KEY
POINTS
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ ลงพื้นที่สถานีสูบน้ำเอกมัย เขตวัฒนา และสถานีสูบน้ำพระโขนง เขตคลองเตย เพื่อตรวจสอบความพร้อมระบบระบายน้ำของกรุงเทพฯ หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง 3 วัน โดยปริมาณน้ำฝนสูงสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาอยู่ที่ 157 มม. ในเขตทวีวัฒนา ซึ่งถือว่าหนักสุดในรอบสัปดาห์ แต่พื้นที่น้ำท่วมขัง เช่น หมู่บ้านเศรษฐกิจ บางแค และถนนสายหลักหลายจุดกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
นายชัชชาติเปิดเผยว่า สถานีสูบน้ำเอกมัยใช้ระบบดันลอดท่อ (Pipe Jacking) พร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 6 เครื่อง กำลังสูบรวม 1.5 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่จากการทำงานหนักตลอดคืนทำให้แผงควบคุมไหม้เสียหายไป 2 เครื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งซ่อมเพื่อให้กลับมาใช้งานได้เต็มกำลัง พร้อมทั้งสั่งการให้เร่งพร่องน้ำในคลองสายหลักทั่วกรุงเทพฯ เพื่อรองรับฝนที่จะตกลงมาอีก
จากนั้น ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่สถานีสูบน้ำพระโขนง ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการระบายน้ำสำคัญของกรุงเทพฯ รับน้ำจากคลองแสนแสบ ลาดพร้าว ประเวศบุรีรมย์ และลาดกระบัง ก่อนระบายลงแม่น้ำเจ้าพระยา ปัญหาหลักที่พบคือขยะจำนวนมากไหลมากับกระแสน้ำ ตั้งแต่ขวดพลาสติก เศษไม้ ไปจนถึงหมอน ฟูก และเก้าอี้ ซึ่งอุดตะแกรงและเสี่ยงทำให้เครื่องสูบน้ำชำรุด ผู้ว่าฯ จึงขอความร่วมมือประชาชนงดทิ้งขยะลงคลองเพื่อลดภาระระบบระบายน้ำ
สำหรับอุโมงค์ระบายน้ำของกรุงเทพฯ ขณะนี้ทำงานเต็มที่ เปรียบเสมือน “ทางด่วนน้ำ” ที่สามารถระบายได้รวดเร็วแม้ไม่รับน้ำเพิ่มระหว่างทาง ขณะที่ระบบคลองเป็นเหมือนถนนทั่วไปที่รองรับน้ำตลอดเส้นแต่ระบายช้ากว่า การทำงานร่วมกันของสองระบบจึงเป็นกลไกหลักป้องกันน้ำท่วมในเมือง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำยังคงปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมผลัดเปลี่ยนกำลังเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ โดยผู้ว่าฯ ชัชชาติเน้นย้ำว่าทุกคนคือ “ผู้ปิดทองหลังพระ” ที่ทำงานอย่างทุ่มเท เพื่อให้กรุงเทพฯ รับมือกับฝนตกหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากประชาชนยังประสบปัญหาน้ำท่วมขังสามารถแจ้งศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กทม. โทร. 02-248-5115 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง