ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,208 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 25-29 สิงหาคม 2568
โดยมีตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่าง ๆ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดจะมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน สรุปผลเรียงลำดับจาก ค่าคะแนนสูงสุดไปถึงต่ำสุด ได้ดังนี้
1. “ดัชนีการเมืองไทย” เดือนสิงหาคม 2568
- ภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 3.71 คะแนน (เดือนกรกฎาคม 2568 ได้ 3.86 คะแนน)
2. ประชาชนให้คะแนน 25 ตัวชี้วัด “ดัชนีการเมืองไทย”
โดยคะแนนเต็ม 10 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้
- ผลงานของฝ่ายค้าน อยู่ที่ 4.59 เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา
- การมีส่วนร่วมของประชาชน อยู่ที่ 4.26 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ อยู่ที่ 4.15 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- สิทธิและเสรีภาพของประชาชน อยู่ที่ 4.09 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- การพัฒนาด้านการศึกษาสำหรับประชาชน อยู่ที่ 3.98 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- ความมั่นคงของประเทศ อยู่ที่ 3.93 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- การดำเนินงานของพรรคการเมืองโดยภาพรวม อยู่ที่ 3.74 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- สภาพสังคมโดยรวม อยู่ที่ 3.73 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- การแก้ปัญหาต่างๆ ในภาพรวม อยู่ที่ 3.71 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- การปฏิบัติตนและพฤติกรรมของนักการเมือง อยู่ที่ 3.68 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อยู่ที่ 3.65 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- ค่าครองชีพ เงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ อยู่ที่ 3.65 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม อยู่ที่ 3.63 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน อยู่ที่ 3.62 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- เสถียรภาพทางการเมือง อยู่ที่ 3.58 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- การบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้ อยู่ที่ 3.56 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส อยู่ที่ 3.54 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- การแก้ปัญหายาเสพติดและผู้มีอิทธิพล อยู่ที่ 3.53 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวม อยู่ที่ 3.51 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- ราคาสินค้า อยู่ที่ 3.49 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- การแก้ปัญหาการว่างงาน อยู่ที่ 3.44 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- การแก้ปัญหาความยากจน อยู่ที่ 3.42 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- ผลงานของรัฐบาล อยู่ที่ 3.41 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
- ผลงานของนายกรัฐมนตรี อยู่ที่ 3.18 ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา
3. นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือนสิงหาคม 2568
นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล
- อันดับ 1 ร้อยละ 38.16 ระบุ ภูมิธรรม เวชยชัย
- อันดับ 2 ร้อยละ 35.86 ระบุ มาริษ เสงี่ยมพงษ์
- อันดับ 3 ร้อยละ 25.98 ระบุ แพทองธาร ชินวัตร
นักการเมืองฝ่ายค้าน
- อันดับ 1 ร้อยละ 51.15 ระบุ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
- อันดับ 2 ร้อยละ 30.66 ระบุ รักชนก ศรีนอก
- อันดับ 3 ร้อยละ 18.19 ระบุ พริษฐ์ วัชรสินธุ
4. ผลงานของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนชื่นชอบในเดือนสิงหาคม 2568
ผลงานฝ่ายรัฐบาล
- อันดับ 1 ร้อยละ 40.90 ระบุ โอนเงินช่วยชาวนา
- อันดับ 2 ร้อยละ 31.79 ระบุ นำคณะทูตและสื่อต่างชาติลงพื้นที่ชายแดน
- อันดับ 3 ร้อยละ 27.31 ระบุ ปิดดีลภาษีทรัมป์ 19%
ผลงานฝ่ายค้าน
- อันดับ 1 ร้อยละ 50.42 ระบุ ตรวจสอบการดำเนินงานให้โปร่งใส
- อันดับ 2 ร้อยละ 27.73 ระบุ ติดตามการช่วยเหลือเยียวยาชายแดนไทย
- อันดับ 3 ร้อยละ 21.85 ระบุ อภิปรายงบประมาณ 2569
โดยนางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยเดือนสิงหาคมต่ำสุดในรอบ 20 เดือน สะท้อนว่าประชาชนวันนี้ ทั้ง “เครียดการเมือง” และ “เครียดเงินในกระเป๋า” ไปพร้อมกัน ทั้งคดีการเมือง สถานการณ์ไทย-กัมพูชา นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท และปัญหาค่าครองชีพ ล้วนกระทบต่อความรู้สึกและทำให้ความเชื่อมั่นลดลงต่อเนื่อง จนกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่เข้ามาและพิสูจน์ว่าจะสามารถแก้ปัญหาประชาชนได้จริง
อาจารย์ภิญโญ คูวัฒนาเสนีย์ ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ดัชนีการเมืองไทยในเดือนสิงหาคม ยังคงอยู่ในระดับต่ำและลดลงต่อเนื่อง โดยในตัวชี้วัดทั้ง 25 ประเด็น มีตัวชี้วัดเพียงตัวเดียวที่เพิ่มขึ้น คือ ผลงานของฝ่ายค้าน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลที่มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานการณ์การเมือง
โดยผลงานของรัฐบาลและผลงานของนายกรัฐมนตรียังคงลดลง และอยู่ในสองลำดับสุดท้าย ทั้งที่ในเดือนสิงหาคม ประเทศไทยมีสถานการณ์สำคัญ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ ที่ทำให้รัฐบาลมีโอกาสทำงานและเผยแพร่ผลงานให้เห็นทางสื่อต่างๆ แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้รัฐบาลโดดเด่นและได้รับความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น
แม้ในส่วนของความโดดเด่นของตัวนักการเมือง ผู้นำฝ่ายค้านก็ยังได้รับคะแนนสูงถึง 51.15% ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาล รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีที่แม้ได้คะแนนสูงสุด ยังได้รับเพียง 38.16% สะท้อนถึงความไม่มั่นใจของประชาชนต่อรัฐบาลทั้งในการทำงานและแก้ปัญหาต่างๆ ที่ยังไม่ปรากฏผลงานที่ชัดเจนและเป็นที่พอใจ