วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 17.00 น.กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 2 เรื่อง พายุดีเปรสชัน และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย โดยจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้
วันที่ 30 สิงหาคม 2568
- ภาคเหนือ:จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ:จังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร บึงกาฬ หนองคาย ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี อุดรธานี หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และเลย
- ภาคตะวันออก:จังหวัดจันทบุรี และตราด
- ภาคใต้: จังหวัดชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต
วันที่ 31 สิงหาคม 2568
- ภาคเหนือ:จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ:จังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร บึงกาฬ หนองคาย เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น และชัยภูมิ
- ภาคกลาง:จังหวัดลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ และอุทัยธานี
- ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
- ภาคใต้:จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา และภูเก็ต
วันที่ 1 กันยายน 2568
- ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร
- ภาคกลาง:จังหวัดลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์ และอุทัยธานี
- ภาคตะวันออก:จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด
- ภาคใต้:จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่
ทั้งนี้เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (29 ส.ค. 68) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 16.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนและคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงเย็นวันที่ 30 ส.ค. 68
หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศลาวตอนบน และจะอ่อนกำลังลงอีกเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงเคลื่อนตามแนวร่องมรสุม เข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในคืนวันที่ 30 ส.ค. 68 และเข้าปกคลุมภาคเหนือในวันที่ 31 ส.ค. 68
จากอิทธิพลดังกล่าว ทำให้ในช่วงวันที่ 30 ส.ค. – 1 ก.ย. 68 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก หลายพื้นที่ กับมีลมแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร บึงกาฬ หนองคาย เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และชัยภูมิ ส่วนภาคเหนือและภาคกลางตอนบนจะได้รับผลกระทบในช่วงวันที่ 31 ส.ค. 68 โดยเฉพาะจังหวัดน่านตอนล่าง แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน และนครสวรรค์
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยง การเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง ส่วนประชาชนบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกตอนบน ระมัดระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ในช่วงวันที่ 30 ส.ค. – 2 ก.ย. 68
ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 23.00 น.
อนึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 18:00 น. วันนี้ ถึง 18:00 น. วันพรุ่งนี้ แบ่งออกเป็นภาคต่างๆ ประชาชนตรวจสอบสภาพอากาศได้ที่นี่
ภาคเหนือ
- มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
- บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และน่าน
- อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีลมแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
- บริเวณจังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร บึงกาฬ หนองคาย เลย ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
- อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง
- มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
- ส่วนมากบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี และสระบุรี
- อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
- มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
- บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด
- อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
- มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
- ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
- อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)
- มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
- บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
- อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
- ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพและปริมณฑล
- มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
- อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.