KEY
POINTS
นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” ที่เข้าปกคลุมประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ รวมถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเกิดฝนตกหนักติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.
ทั้งนี้ยังคงมีฝนที่ตกสะสม ส่งผลกระทบต่อโครงข่ายทางหลวงชนบทในพื้นที่ดังกล่าว ขณะนี้ (วันที่ 28 ส.ค. 68) พบโครงข่ายที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 2 สายทาง ได้แก่
1. สะพานทรุดตัว บริเวณสะพานบ้านป่าปุ๊ (สาย มส.014) หมู่ที่ 2 ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
2. คอสะพานขาด บริเวณถนนทางหลวงชนบทสาย มส.3018 แยก ทล.108 - บ้านน้ำเพียงดิน ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ช่วง กม.ที่ 3+000 - กม.ที่ 3+200 (ระหว่างบ้านแม่สะกึด หมู่ที่ 4 กับ บ้านห้วยแก้ว หมู่ที่ 7 ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน)
นายมนตรี กล่าวต่อว่า จากผลกระทบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จึงสั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดที่รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว ได้แก่
สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 10 (เชียงใหม่) และแขวงทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน ให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ เร่งติดตั้งป้ายเตือน ป้ายหลีกเลี่ยงเส้นทาง
ขณะเดียวกันให้จัดหาทางเลี่ยง และจัดทำสะพานเหล็กชั่วคราวในเบื้องต้น พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังจุดเกิดเหตุอย่างใกล้ชิด เพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยในการสัญจรให้กับประชาชน
รวมถึงได้มอบหมายให้จัดเตรียมสะพานเหล็กสำเร็จรูป หรือสะพานเบลีย์ (Bailey Bridge) เข้าติดตั้งโดยทันทีหลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย
ปัจจุบันได้รับรายงานว่า สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 10 (เชียงใหม่) และแขวงทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน อยู่ระหว่างขนย้ายสะพานเบลีย์ และจะดำเนินการติดตั้งสะพานในวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค.นี้ เพื่อเปิดการสัญจรให้กับประชาชนเป็นการชั่วคราวอย่างเร่งด่วนต่อไป
นอกจากนี้ยังได้สั่งการไปยังสำนักงานทางหลวงชนบท และแขวงทางหลวงชนบททุกแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุในครั้งนี้ ให้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยให้พร้อม
อย่างไรก็ตามหากประเมินสถานการณ์ว่าอาจได้รับผลกระทบให้เร่งลงพื้นที่สำรวจโครงข่าย และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะได้เข้าแก้ไขปัญหา
และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้ในทันที รวมทั้งกำชับให้ร่วมบูรณาการกับทุกหน่วยงานในพื้นที่อย่างเต็มกำลังจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ