ไทยกดดันกัมพูชา รับผิดชอบความเสียหาย การโจมตี-วางทุ่นระเบิด

09 ส.ค. 2568 | 05:27 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ต.ค. 2568 | 13:37 น.

กระทรวงการต่างประเทศไทยเร่งร้องเรียนกัมพูชา รับผิดชอบความเสียหาย จากการโจมตีพลเรือน วางทุ่นระเบิดละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม พร้อมประสาน ICRC ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบ

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศยังคงเดินหน้าดำเนินการร้องเรียนต่อเวทีสหประชาชาติ และประชาคมโลก เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบ และความยุติธรรมต่อประชาชนไทยผู้บริสุทธิ์

รวมทั้งทหารไทยที่ได้รับการสูญเสีย และบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้ในดินแดนของไทย อันเป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพของประเทศ แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงแล้ว แต่ความเสียหายต่อพลเรือนได้เกิดขึ้นแล้ว

นายมาริษกล่าวถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การสู้รบ และการดำเนินการตามแผนปฏิบัติพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศ

รวมถึงติดตามความคืบหน้า การประเมินความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนเพื่อให้ประชาชนกลับบ้านได้ หลังมีผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee) หรือ GBC ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่มาเลเซีย

ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในการหยุดยิง อันจะนำไปสู่สันติภาพและความสงบสุขของชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะสันติภาพที่ยั่งยืน ต้องเริ่มจากการหยุดยิง และการแสดงความรับผิดชอบต่อการสูญเสีย

นายมาริษยังได้ติดตามและรับฟังข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากพื้นที่ โดยเฉพาะในประเด็นผลกระทบจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาต่อพลเรือน และพื้นที่พลเรือนของไทย

 รวมทั้งการวางทุ่นระเบิดของกองทัพกัมพูชา ซึ่งละเมิดกฎหมายมนุษธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law: IHL) และอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา

กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการประสานงาน เพื่ออำนวยความสะดวกคณะผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ที่จะลงพื้นที่ จังหวัดสุรินทร์ ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี จะลงพื้นที่ติดตาม เพื่อเยี่ยมเยียน และสัมภาษณ์ประชาชนคนไทย และติดตามสถานพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางเป้าหมายพลเรือนของกัมพูชา ในระหว่างวันที่ 11 14 สิงหาคมนี้

ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศตามแนวนโยบายของรัฐบาลได้ดำเนินการร้องเรียนในเวทีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องใน 2 ประเด็นสำคัญคือ

  • ประเด็นทุ่นระเบิด กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ของกระทรวงเพื่อประท้วง และการออกหนังสือถึงประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา

การออกหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อเรียกร้องการชี้แจงของกัมพูชาต่อกรณีการวางทุ่นระเบิดฯ ผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก

  • ประเด็นการโจมตีเป้าหมายทางพลเรือนของกัมพูชา รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ประณาม และออกแถลงการณ์ต่อกรณีที่กัมพูชาใช้อาวุธร้ายแรงยิงใส่บ้านเรือนของประชาชนในดินแดนไทย ที่จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา

รวมถึงการกล่าวถ้อยแถลงประณามกัมพูชาต่อการโจมตีเป้าหมายทางพลเรือน ในการประชุมฉุกเฉินในกรอบคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC โดยเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก

“ผมยังได้มีหนังสือลงนามถึงประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC และข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รวมถึงการประสานงานกับกองทัพ เพื่อนำคณะผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเชลยศึก 18 นาย เพื่อย้ำถึงการปฏิบัติต่อเชลยศึกอย่างดี และโปร่งใส เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 4-6 สิงหาคมที่ผ่านมา”

นายมาริษ ย้ำว่า ประเทศไทยเคารพ และพร้อมปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงทั้ง 13 ข้อ ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญเพื่อนำไปสู่ความสงบสันติในภูมิภาค แต่ความสูญเสียต่อพลเรือนที่เกิดขึ้นเป็นข้อเท็จจริงที่ ต้องเกิดความรับผิดชอบ จึงต้องเดินหน้าการทำงานใน 2 ส่วนนี้คู่ขนานกันไป