"พายุวิภา" กระทบไทย 11 จว.ยังมีน้ำท่วมขัง 3 จังหวัด 11 อำเภอ

31 ก.ค. 2568 | 08:55 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ก.ค. 2568 | 09:05 น.

ปภ.สรุปสถานการณ์พายุวิภา กระทบไทย 11 จังหวัด ยังเหลือพื้นที่น้ำท่วมขังใน 3 จังหวัด 11 อำเภอ แนวโน้มน้ำลด พร้อมเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประชุมและติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน มีสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่

  1. จังหวัดน่าน
  2. เชียงราย
  3. พะเยา
  4. ลำปาง
  5. เชียงใหม่
  6. แม่ฮ่องสอน
  7. แพร่
  8. สุโขทัย
  9. ตาก
  10. อุตรดิตถ์
  11. เลย

โดย 11 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ รวม 70 อำเภอ 327 ตำบล 1,908 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 65,880 ครัวเรือน 206,244 คน มีผู้เสียชีวิต 5 ราย จ.น่าน 4 ราย และ จ.แพร่ 1 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย และจังหวัดสุโขทัย รวม 11 อำเภอ 32 ตำบล 167 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 9,914 ครัวเรือน 36,682 คน โดยระดับน้ำลดลงทุกจังหวัด 

 

ปภ.สรุปสถานการณ์พายุวิภา กระทบไทย 11 จังหวัด ยังเหลือพื้นที่น้ำท่วมขังใน 3 จังหวัด 11 อำเภอ
 

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้จังหวัดเร่งทำการระบายน้ำในพื้นที่ที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง ระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัย พร้อมบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน ฝ่ายปกครอง ตำรวจ หน่วยงานทหาร ในพื้นที่อาสาสมัคร ตลอดจนประชาชนจิตอาสาร่วมกันทำความสะอาด ซ่อมแซม บ้านเรือนที่พักอาศัย พื้นที่การเกษตร สิ่งสาธารณะประโยชน์ เพื่อคืนและฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชนให้กลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างเร็วที่สุด  


พร้อมกำชับให้จังหวัดประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสำรวจความเสียหายและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการให้เงินช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและบ้านเรือนที่พักอาศัยประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ให้ปฏิบัติตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างเคร่งครัด โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
 

นอกจากนี้ได้กำชับให้ทุกจังหวัดและหน่วยงานยังคงประสานงานและสื่อสารกันระหว่างส่วนกลางและระดับพื้นที่ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการสนับสนุนการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เน้นย้ำประชาชนให้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดตลอดช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะจังหวัดท้ายน้ำและพื้นที่เสี่ยง หากเกิดสถานการณ์ กรม ปภ. จะทำการส่งแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ให้ประชาชนได้เตรียมการล่วงหน้าพร้อมรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

สรุปสถานการณ์พายุวิภา กระทบไทย 11 จังหวัด ยังเหลือพื้นที่น้ำท่วมขังใน 3 จังหวัด 11 อำเภอ

นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ภาพรวมสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีหลายพื้นที่ที่มีสถานการณ์ จึงขอย้ำให้ทุกจังหวัดดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามข้อสั่งการของ มท.2 และอธิบดี ปภ. อย่างต่อเนื่อง ทั้งการแจ้งเตือนภัยและการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดตลอดช่วงฤดูฝน หากพื้นที่ใดมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัยให้ประสานกับศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อดำเนินการส่งแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast ให้ประชาชนเตรียมรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที 

 

ในส่วนของพื้นที่ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ให้หน่วยงานเร่งสำรวจความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน บูรณาการทุกภาคส่วนร่วมกันซ่อมแซมและฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว และสำรวจให้ความช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ พร้อมกำชับให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต เตรียมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนหากมีสถานการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่

 

"ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ ข้อมูลข่าวสาร และการแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศหรือคำเตือนขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง"