'นฤมล' รื้อใหญ่นโยบายแท็บเล็ต สั่ง สพท.ซื้อแทน สพฐ. แก้ปัญหาล็อคสเปก

30 ก.ค. 2568 | 10:54 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ค. 2568 | 11:25 น.

‘นฤมล รมว.ศธ.’ สั่งล้มประมูลส่วนกลาง ให้เขตพื้นที่จัดซื้อแท็บเล็ตเอง แก้ปัญหาล็อกสเปก-เคลมง่าย โปร่งใส ถูกลงครึ่งหนึ่งจากยุคเก่า

รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ โดย ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้ลงนามประกาศ 3 ฉบับ ซึ่งเป็นประกาศยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างและเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอน, เช่าใช้ระบบประมวลผลแบบคลาวด์ และซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูปพร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม ในโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) ระยะที่ 2 (เฟส 2)

ก่อนหน้านี้ สพฐ. ได้ประกาศเชิญชวนเข้าร่วมประกวดราคาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) ของกรมบัญชีกลาง ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุเหตุผลที่ยกเลิกในทำนองเดียวกันว่า เนื่องจากมีผู้ยื่นข้อเสนอราคาตรงตามเงื่อนไขเพียงรายเดียว และเพื่อปรับรายละเอียดโครงการให้เหมาะสมกับความต้องการของครูและนักเรียนในแต่ละพื้นที่ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการและงบประมาณแผ่นดิน

ทั้งนี้ ได้ประกาศยกเลิกในส่วนของการประกวดราคาเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอน เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 68 ส่วนการประกวดราคาเช่าใช้ระบบประมวลผลแบบคลาวด์ และประกาศประกวดราคาซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูปพร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 68

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการแจกแท็บเล็ต ภาค 2 เป็นการรวมกันของ 2 นโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งปี 2566 คือ นโยบาย ‘Free tablet for all’ หรือโครงการ 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต และโครงการ 1 ครู 1 แท็บเล็ต

'นฤมล' รื้อใหญ่นโยบายแท็บเล็ต สั่ง สพท.ซื้อแทน สพฐ. แก้ปัญหาล็อคสเปก

อย่างไรก็ดี ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ได้จัดสรรให้ พรรคภูมิใจไทย ดูแล กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ก่อนปรับชื่อเป็นโครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ ‘ทุกที่ ทุกเวลา’ หรือ ‘Anywhere Anytime’

สำหรับโครงการ ‘Anywhere Anytime’ ได้รับการอนุมัติงบประมาณจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แบ่งเป็น 3 โครงการ วงเงินรวม 37,281 ล้านบาท ส่วนใหญ่ 29,765 ล้านบาท เป็นงบประมาณผูกพัน 5 ปี (พ.ศ. 2569-2574) สำหรับเช่าแท็บเล็ต, โน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ปรับเพิ่มมาในภายหลัง พร้อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และสัญญาณอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูง

ซึ่งเป็นโครงการในระยะที่ 2 หลังจากที่เมื่อปีงบประมาณ 2567 สพฐ. ได้รับจัดสรรงบประมาณ 482.26 ล้านบาท ดำเนินโครงการพัฒนาระบบนิเวศทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น เช่าใช้ระบบคลาวด์ และจ้างที่ปรึกษาพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แห่งชาติ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นฐาน (NDLP) ซึ่งถือเป็นระยะที่ 1 ไปแล้ว

ส่วนอีก 4,214 ล้านบาท เป็นโครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโฟลิโอ (The Digital Skill/Credit Portfolio : Empowering Educations) นอกจากนี้ยังมีส่วนโครงการส่งเสริมการเรียนรู้อาชีวศึกษาฯ 3,302 ล้านบาท ซึ่งจะแจกแท็บเล็ต หรือโน้ตบุ๊กให้กับนักเรียนอาชีวศึกษาในระยะถัดไปด้วยโดยเดิมทีช่วงที่พรรคภูมิใจไทยยังร่วมรัฐบาลและกำกับกระทรวงศึกษาธิการอยู่ ได้มีการประกาศว่า ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2568 จะนำร่องจัดสรรแท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่นให้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ในกลุ่มโรงเรียนคุณภาพชุมชนและโรงเรียนขยายโอกาส จำนวนกว่า 6 แสนคน และจะขยายจนครบ 1.2 ล้านคนในปีงบประมาณ 2569 ที่อาจจะขยายผลไปยังนักเรียนชั้นมัธยมต้นในโรงเรียนคุณภาพได้บางส่วนด้วย

'นฤมล' รื้อใหญ่นโยบายแท็บเล็ต สั่ง สพท.ซื้อแทน สพฐ. แก้ปัญหาล็อคสเปก

กระทั่งพรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากรัฐบาล โครงการที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการ ‘Anywhere Anytime’ ทั้งการเช่าแท็บเล็ต หรือโน้ตบุ๊ก, โครงการเช่าระบบคลาวด์ และโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มจัดการเรียนรู้แห่งชาติ ที่เข้าสู่กระบวนการประกาศเชิญชวนประกวดราคาแล้ว ได้ถูก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งให้ระงับขั้นตอนการประกวดราคาทั้งหมด หลังได้รับข้อมูลร้องเรียนว่า มีการกำหนดขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ไม่โปร่งใส เข้าข่ายล็อกสเปก กีดกันการแข่งขัน เพื่อเอื้อเอกชนบางราย ซึ่งน่าจะเป็นเหตุสำคัญที่เลขาธิการ กพฐ. ลงนามในประกาศยกเลิกการประกวดราคาทั้ง 3 ฉบับข้างต้น
แต่ภายหลังประกาศยกเลิกการประกวดราคาเผยแพร่เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 68

ถัดมาเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 ที่โรงเรียนราชวินิต กทม. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เป็นประธานการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจการเช่าอุปกรณ์การเรียนการสอนตามโครงการ ‘Anywhere Anytime’ ให้แก่เจ้าหน้าที่รูปแบบกลุ่มบริหารการเงินและสินทรัพย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) รวม 118 เขตพื้นที่ ถือเป็นการยืนยันว่า จะยังเดินหน้าโครงการแจกแท็บเล็ตต่อไป แต่ปรับจากเดิมที่ สพฐ. จะเป็นผู้จัดซื้อจัดจ้างจากส่วนกลางทั้งหมด ให้เป็น สพท. ในแต่ละพื้นที่ 118 แห่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเอง เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตช่วงเช่าซื้อ 5 ปี หากอุปกรณ์ชำรุดเสียหายหรือต้องอัปเดตข้อมูล จะสามารถทำจากเขตพื้นที่ได้ทันที เบื้องต้นในปีการศึกษา 2568 จะใช้วงเงินราว 1,221 ล้านบาท สำหรับเช่าอุปกรณ์เป็นเวลา 5 เดือนให้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 กลุ่มโรงเรียนคุณภาพและโรงเรียนขยายโอกาส 1,018 แห่ง

ในที่ประชุม นางนฤมล ได้กำชับให้ สพท. เขตพื้นที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้ตรงตามข้อกฎหมาย และระเบียบวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในเอกสารประกอบการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจการเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอนภายใต้โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 นั้น ได้ระบุถึงงบประมาณการดำเนินโครงการเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอน สำหรับนักเรียน และครู จำนวน 617,250 เครื่อง งบประมาณผูกพันตั้งแต่ปี 2568-2574 เป็นเงินราว 14,647 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของนักเรียน 557,647 เครื่อง งบประมาณราว 13,232 ล้านบาท และสำหรับครู 59,603 เครื่อง งบประมาณราว 1,414 ล้านบาท ในรายละเอียดยังได้ระบุราคาค่าเช่า 395.50 ต่อเดือน/เครื่อง รวม 60 เดือน หรือ 5 ปี รวมมูลค่าเครื่องละ 23,730 บาท

โดยเป็นที่สังเกตว่า งบประมาณโครงการ ‘Anywhere Anytime’ ในยุคนางนฤมลต่ำกว่ายุค พล.ต.อ.เพิ่มพูน ที่กำหนดไว้ 29,765 ล้านบาทผูกพัน 5 ปีเช่นกัน ถึงราว 1 เท่าตัวด้วยกัน

สำหรับร่างทีโออาร์ที่ สพฐ. ปรับปรุงใหม่ได้กำหนดคุณสมบัติของอุปกรณ์หลัก (แท็บเล็ต, โน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ) ว่า ต้องมีระบบประมวลผลอย่างน้อย CPU Core 2 Duo (3.0 GHz Dual-Core) หรือ CPU Core 2 Quad (2.4 GHz Quad-Core) หรือเทียบเท่า (4 MB Cache หรือมากกว่า), หน่วยความจำไม่น้อยกว่า 6 GB RAM DDR5/LPDDR5, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Harddisk) ไม่น้อยกว่า 128 GB, พื้นที่สำรองข้อมูล (Cloud) ไม่น้อยกว่า 5 GB, หน้าจอระบบสัมผัส (ทัชสกรีน) ขนาดไม่น้อยกว่า 10 นิ้ว ความละเอียด 1,366x768 พิกเซลขึ้นไป รองรับปากกาเขียนหน้าจอสามารถวาด เขียน ระบายได้ (หากเป็นโน้ตบุ๊ก ต้องสามารถพับจอแสดงผลได้ 360 องศา หรือสามารถแยกชิ้นส่วนจอแสดงผลกับคีย์บอร์ดจากกันได้), กล้องความละเอียดไม่น้อยกว่า 1,280x720 พิกเซล (720P)

มีช่องเชื่อมต่อ (Interface) แบบ USB Type C ไม่น้อยกว่า 1 ช่อง, รองรับ Wi-Fi (IEEE 802.11 ax) และ Bluetooth 5.2 หรือดีกว่า รองรับ SIM หรือ eSIM เชื่อมต่อเครือข่ายแบบ 4G (LTE) หรือดีกว่า, แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง, ระบบปฏิบัติการสามารถอัปเดตความปลอดภัยให้เป็นปัจจุบันตลอดระยะเวลาตามสัญญาให้บริการ และมีการป้องกันการโจมตีไม่ให้แอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม (Third Party) สามารถเข้าถึงหรือเปลี่ยนแปลงส่วนหลักของระบบปฏิบัติการ, มีโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันสำหรับการใช้งานอีเมล สร้างเอกสาร สเปรดชีต นำเสนอข้อมูล และจดบันทึก เป็นอย่างน้อย, มีหมายเลขประจำเครื่อง (Serial Number), ชิปความปลอดภัย พร้อมอุปกรณ์เสริม ประกอบด้วย ปากกาดิจิทัล รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์การเรียนการสอนแบบ Active หรือดีกว่า จำนวน 1 ด้าม, อะแดปเตอร์พร้อมสายชาร์จ USB Type C จำนวน 1 ชุด, ไฟล์คู่มือการใช้งาน ภาษาไทย 1 ชุด และกรณีเป็นแท็บเล็ต ต้องมีแป้นพิมพ์ (คีย์บอร์ด) รองรับการใช้งานได้ทั้งภาษาไทย-อังกฤษ 1 ชุด

ทั้งนี้ ต้องรับประกันตัวเครื่อง หากมีความเสียหาย หรือสูญหาย โดยพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นการทุจริต ผู้ให้เช่าต้องทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้โดยเร็วตามเงื่อนไขของสัญญา.