รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) แจ้งว่า กรมทางหลวงได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยจากพายุวิภา บนทางหลวงประจำวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พบว่าทางหลวงถูกน้ำท่วมในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน และจังหวัดสุโขทัย รวม 10 สายทาง จำนวน 12 แห่ง พบว่า เส้นทางการจราจรผ่านไม่ได้ 7 แห่ง ดังนี้
จ.เชียงราย จำนวน 3 แห่ง
- ทล.1093 ขุนห้วยไคร้ – ผาตั้ง ช่วง กม.ที่ 47+900 - 47+940 อ.เชียงของ ดินไลด์ปิดทับผิวทางให้ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทล.1155 ทรายกาด - บ้านลุง ช่วง กม.ที่ 45+950 - 46+400 อ.เวียงแก่น ดินกัดเซาะคันทางสไลด์ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่น
- ทล.1173 ศรีเวียง - แม่เลียบ ช่วง กม.ที่ 46+100 – 47+133 อ.เวียงรุ้ง ระดับน้ำ 30-40 ซม. ให้ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
จ.น่าน จำนวน 2 แห่ง
- ทล.1083 เด่นชาติ – นาน้อย ช่วง กม.ที่ 53+750 - 53+800 อ.นาน้อย คันทางสไลด์ ไม่มีเส้นทางเลี่ยง
- ทล.1256 ปัว – อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ช่วง กม.ที่ 26+260 - 26+300 อ.ปัว ดินสไลด์ปิดทับผิวทางให้ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
จ.สุโขทัย จำนวน 2 แห่ง
- ทล.101 คลองโพธิ์ - ท่าช้าง ช่วง กม.ที่ 82+350 - 84+500 อ.เมืองสุโขทัย ระดับน้ำ 35-40 ซม. ให้ใช้ทางเลี่ยง ทล. 1195 และ ทล.1054
- ทล.1195 เตว็ดใน - วังไม้ขอน ช่วง กม.ที่ 17+300 – 20+000 ระดับน้ำ 50-60 ซม. ใช้ทางเลี่ยงทล.101 และ ทล.1056
ทั้งนี้กรมทางหลวงได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด ระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยและเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายะแนะนำ
นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า วันนี้ (29 ก.ค. 68) ขณะนี้ในส่วนของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ยังได้กำชับสำนักงานทางหลวงชนบท (สทช.) และแขวงทางหลวงชนบท (ขทช.) ในพื้นที่ที่กำลังประสบเหตุน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ทช. ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือเครื่องจักร ดำเนินการทำความสะอาดกำจัดดินโคลนเศษไม้และเศษวัสดุบนผิวจราจร ในพื้นที่จังหวัดแพร่ และ จังหวัดน่าน บริเวณที่น้ำได้ลดลงแล้ว เพื่อให้ประชาชนสัญจรได้อย่างสะดวกปลอดภัยและกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำในเรื่องการบูรณาการร่วมกับจังหวัดอย่างเต็มที่ ทั้งการสนับสนุนกำลังคน รถบรรทุกน้ำ การบริหารจัดการเส้นทางและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ตลอดจนการส่งมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคเพื่อส่งต่อให้ผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในขณะนี้ สำนักบำรุงทาง รายงานว่า วันนี้ ( 29 ก.ค. 68 ) ได้รับผลกระทบรวม 8 จังหวัด ประกอบด้วย พะเยา น่าน เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ สุโขทัย ตาก อุบลราชธานี รวม 38 สายทาง
สามารถสัญจรผ่านได้ 26 สายทาง และไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 12 สายทาง ซึ่งสายทางที่ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ดังนี้
- ถนนทางหลวงชนบทสาย ชร.4008 แยก ทล.1020 (กม.ที่ 87+200) - บ้านศรีสะอาด อำเภอขุนตาล, พญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย (ช่วง กม.ที่ 4+100 - 4+500)
- ถนนทางหลวงชนบทสาย ชร.5031 แยก ทช.ชร.4014 (กม.ที่ 0+700) - บ้านช่อใต้ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย (ช่วง กม.ที่ 5+100 – 5+300)
- ถนนทางหลวงชนบทสาย พย.4029 แยก ทล.1148 (กม.ที่ 95+225) - โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริบ้านหนองห้า อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา (ช่วง กม.ที่ 8+900 - 9+000 , ช่วง กม.ที่ 10+850 - 10+950 , ช่วงกม.ที่ 11+700 - 11+900 และ ช่วง กม.ที่ 12+900 - 13+000)
- ถนนทางหลวงชนบทสาย พร.4008 แยก ทล.1124 (กม.ที่ 19+000) - บ้านวังแฟน อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ (ช่วง กม.ที่ 16+750 - 16+810)
- สะพานข้ามแม่น้ำยม (สาย พร.001) อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ (ช่วง กม.ที่ 0+485 - 1+185)
- ถนนเชิงลาดสะพานข้ามแม่น้ำยม (สาย พย.002) อำเภอปง จังหวัดพะเยา (ช่วง กม.ที่ 0+000 - 1+100)
- ถนนเชิงลาดสะพานวังม่วงพัฒนา (สาย นน.017) อำเภอปัว จังหวัดน่าน (ช่วง กม.ที่ 0+600 – 0+700)
- ถนนทางหลวงชนบทสาย ตก.3002 แยก ทล.105 (กม.ที่ 4+000) - บ้านวังแก้ว อำเภอแม่สอด, แม่ระมาด จังหวัดตาก (ช่วง กม.ที่ 11+950 - 12+000 , ช่วง กม.ที่ 12+100 - 12+150 และ ช่วง กม.ที่ 16+500 - 16+550)
- ถนนทางหลวงชนบทสาย ตก.3006 แยก ทล.104 (กม.ที่ 9+025) - บ้านวังผา อำเภอแม่สอด, แม่ระมาด จังหวัดตาก (ช่วง กม.ที่ 7+290 - 7+300)
- ถนนทางหลวงชนบทสาย สท.4010 แยก ทล.1177 (กม.ที่ 13+300) - บ้านห้วยไม้ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย (ช่วง กม.ที่ 4+000 – 4+150, ช่วง กม.ที่ 15+800 - 16+100, ช่วง กม.ที่ 17+300 - 17+450 และ ช่วง กม.ที่ 18+150 - 18+265)
- ถนนเชิงลาดสะพานรักษ์ลำน้ำยม (สาย สท.011) อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย (ช่วง กม.ที่ 0+000 - 0+100)
- ถนนทางหลวงชนบทสาย สท.4053 แยก ทล.1180 (กม.ที่ 11+650) - บ้านคลองมะพลับ อำเภอศรินคร จังหวัดสุโขทัย (ช่วง กม.ที่ 0+500 – 0+800)
อย่างไรก็ดีในพื้นที่ที่ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ทช. ได้ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายบอกระดับน้ำ และปักเสาตามแนวเขตทาง เรียบร้อยแล้ว หากระดับน้ำลดลงจะเร่งดำเนินการประเมินสถานการณ์และเร่งเข้าซ่อมแซมเบื้องต้นโดยเร็วที่สุดต่อไป