การเคหะฯห่วงใยประชาชนชายแดนไทย–กัมพูชา เร่งช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในทุกมิติ

29 ก.ค. 2568 | 04:34 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ก.ค. 2568 | 04:55 น.

การเคหะแห่งชาติห่วงใยประชาชนชายแดนไทย–กัมพูชา เร่งช่วยเหลือ มุ่งเน้นดูแลผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ กลุ่มเปราะบางในทุกมิติ

 

การเคหะแห่งชาติแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี และสระแก้ว พร้อมเดินหน้าประสานความร่วมมือกับทีม พม.หนึ่งเดียว (One Home) อย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นดูแลกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ

 

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ให้ความสำคัญและแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน

โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในโครงการของการเคหะแห่งชาติ  จังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่เสี่ยงภัยในเขตชายแดนของจังหวัดสุรินทร์ อุบลราชธานี และสระแก้ว ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งรายงานของสำนักงานเคหะจังหวัดศรีสะเกษ

พบว่า ขณะนี้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในโครงการบ้านเอื้ออาทรบริเวณอำเภอกันทรลักษ์ ได้อพยพออกจากพื้นที่ทั้งหมดแล้ว โดยเหลือเพียงผู้นำชุมชนอยู่ดูแลความเรียบร้อย ขณะเดียวกัน ยังมีผู้อพยพจากอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี เดินทางเข้ามาพักอาศัยร่วมกับญาติภายในโครงการของการเคหะแห่งชาติในจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นสรุปได้ว่า

สำนักงานเคหะจังหวัดศรีสะเกษ

มีประชาชนเข้าพักอาศัยในโครงการบ้านเอื้ออาทรบริเวณหนองครก จำนวน 130 ราย, โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนบริเวณบ้านโพนข่า จำนวน 193 ราย, โครงการบ้านเอื้ออาทรบริเวณกันทรารมย์ จำนวน 86 ราย, โครงการบ้านเอื้ออาทรในพื้นที่อำเภอขุขันธ์ ประมาณ 30 ราย และโครงการบ้านเอื้ออาทรบริเวณอำเภออุทุมพรพิสัย ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากผู้อพยพส่วนใหญ่ยังพักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้

 

ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การเคหะแห่งชาติได้ประสานความร่วมมือกับทีม พม.หนึ่งเดียว (One Home) ของกระทรวง พม. เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยดำเนินการช่วยเหลือในหลายมิติ

เช่น การมอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม และอาหารแห้ง บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น พร้อมทั้งดูแลกลุ่มเปราะบางอย่างเหมาะสม โดยมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและให้การช่วยเหลือเฉพาะด้าน รวมถึงประสานบริการด้านการแพทย์และสุขภาพจิต ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขและทีมสังคมสงเคราะห์ในพื้นที่

เพื่อดูแลทั้งด้านร่างกายและจิตใจของผู้ประสบเหตุ นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติยังได้จัดตั้งจุดประสานงานเฉพาะกิจ ณ สำนักงานเคหะจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีหากสถานการณ์ยืดเยื้อ

ในส่วนของจังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่จากนิคมสร้างตนเองเลี้ยงไหมของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ชายแดน จนจำเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่ปฏิบัติงาน ทำให้ขาดแคลนสถานที่พักและที่ทำงานชั่วคราว เพื่อให้การช่วยเหลือดำเนินไปอย่างราบรื่น การเคหะแห่งชาติ

โดยสำนักงานเคหะจังหวัดสุรินทร์ ได้เปิดพื้นที่สำนักงานให้เจ้าหน้าที่นิคมฯ ใช้เป็นจุดประสานงาน พร้อมจัดหาที่พักชั่วคราวภายในโครงการของการเคหะแห่งชาติที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวสามารถอยู่อาศัยและปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย

นายทวีพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า“กระทรวง พม. และการเคหะแห่งชาติมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กและผู้พิการซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบาง เราจะเร่งประสานให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

การเคหะฯลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเปราะบาง

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างความปลอดภัยในทุกมิติ” ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อสายด่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โทร. 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง