ศูนย์กลางหลอกลวงออนไลน์ที่ใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือ ได้กลายเป็นภัยคุกคามระดับโลกในยุคดิจิทัล องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (International Criminal Police Organization หรือ INTERPOL) ออกมาเปิดเผยแนวโน้มอาชญากรรมล่าสุดว่า “ศูนย์หลอกลวงออนไลน์ที่ขับเคลื่อนด้วยการค้ามนุษย์” (Human trafficking-fueled scam centres) ได้ขยายเครือข่ายออกจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สู่พื้นที่ใหม่ในแอฟริกาตะวันตก ตะวันออกกลาง อเมริกากลาง และทั่วโลกอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในรายงานฉบับเดือนมีนาคม 2025 อินเตอร์โพล ระบุว่า มีเหยื่อจากอย่างน้อย 66 ประเทศตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์เพื่อบังคับทำงานในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ โดย 74% ของเหยื่อถูกพาเข้าสู่พื้นที่ "ฮับ" เดิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ศูนย์หลอกลวงในประเทศอื่น ๆ เริ่มปรากฏตัวเพิ่มขึ้น และแอฟริกาตะวันตกอาจกลายเป็นฮับแห่งใหม่ของอาชญากรรมประเภทนี้
เหยื่อการค้ามนุษย์จำนวนมากถูกหลอกผ่านโฆษณารับสมัครงานปลอม จากนั้นถูกควบคุมตัวไว้ในคอมพาวด์และบังคับให้ทำงานฉ้อโกงผ่านออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นหลอกลงทุน หลอกโอนเงิน หลอกความรัก ไปจนถึงพนันออนไลน์ โดยผู้ที่ปฏิเสธมักถูกคุกคาม บางรายต้องเผชิญกับการถูกทำร้ายหรือแม้แต่ทรมานอย่างโหดร้าย
แม้ผู้ที่ทำงานในศูนย์หลอกลวงจะไม่ได้เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ทั้งหมด แต่เหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำความผิดมักถูกข่มขู่ด้วยหนี้สิน ถูกบังคับให้ทำงานแบบไม่รู้จบ บางรายต้องเผชิญกับสภาพจิตใจที่พังทลาย ขณะที่เหยื่ออีกรูปแบบ คือผู้ที่ถูกหลอกออนไลน์ในอีกฟากโลก ก็สูญเสียเงินมหาศาล และบางคนถึงขั้นสูญเสียความมั่นคงในชีวิต
อินเตอร์โพล ระบุว่า ศูนย์หลอกลวงออนไลน์เหล่านี้คือ “ภัยสองด้าน” (double-edged threat) ที่ครอบคลุมทั้งเหยื่อที่ถูกบังคับให้ทำผิด และเหยื่อที่ถูกหลอกผ่านหน้าจอในอีกประเทศหนึ่ง และแนวโน้มยังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา จนต้องออกประกาศ Orange Notice เพื่อเตือนภัยในระดับที่ร้ายแรงและเร่งด่วน
ปฏิบัติการระดับนานาชาติที่อินเตอร์โพลประสานร่วมกับตำรวจประเทศต่าง ๆ พบหลักฐานการค้ามนุษย์เพื่อบังคับทำผิดหลายกรณี เช่น การบุกศูนย์หลอกลวงขนาดใหญ่ในฟิลิปปินส์ในปี 2024 หรือการรื้อถอนศูนย์ในนามิเบียที่มีเยาวชนถึง 88 คนถูกบังคับให้ทำการฉ้อโกง พร้อมยึดคอมพิวเตอร์ 163 เครื่องและโทรศัพท์มือถือ 350 เครื่องไว้ตรวจสอบ
นอกจากการบังคับใช้แรงงานและการล่อลวงอย่างเป็นระบบแล้ว อินเตอร์โพลยังเตือนว่าการใช้ “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์” (AI) กำลังกลายเป็นเครื่องมือใหม่ของอาชญากร โดยมีการใช้ AI ในการสร้างโฆษณารับสมัครงานปลอมอย่างแนบเนียน รวมถึงสร้างโปรไฟล์และภาพหลอกผ่านเทคโนโลยี Deepfake เพื่อล่อหลอกในรูปแบบต่าง ๆ เช่น Romance scam หรือ Sextortion
เครือข่ายอาชญากรรมยังมีการใช้เส้นทางลำเลียงเดียวกันนี้ในการลักลอบขนส่งยาเสพติด อาวุธ หรือสัตว์ป่าคุ้มครองอย่างเสือและตัวนิ่ม ซึ่งหมายความว่า “ศูนย์หลอกลวง” ไม่ใช่แค่แหล่งอาชญากรรมทางไซเบอร์ แต่กำลังกลายเป็นศูนย์รวมของอาชญากรรมข้ามชาติหลายประเภท
ข้อมูลของอินเตอร์โพลยังชี้ให้เห็นลักษณะของ “ผู้เอื้ออำนวยการค้ามนุษย์” ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของอาชญากรรมนี้ โดยกว่า 80% เป็นผู้ชาย และ 61% มีอายุระหว่าง 20-39 ปี ขณะที่ 90% มีเชื้อสายจากเอเชีย และอีก 11% มาจากแอฟริกาหรืออเมริกาใต้ ซึ่งสะท้อนความซับซ้อนของเครือข่ายอาชญากรรมในระดับโลก
Cyril Gout รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบริการตำรวจของอินเตอร์โพลย้ำว่า “การรับมือกับภัยคุกคามนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับนานาชาติอย่างแท้จริง” ทั้งในแง่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองระหว่างประเทศ การสร้างพันธมิตรกับ NGO ที่คอยช่วยเหลือเหยื่อ และการประสานงานกับบริษัทเทคโนโลยีที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือหลอกลวงบนแพลตฟอร์มของตน
อินเตอร์โพลยังผลักดันให้มีการดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยจัดปฏิบัติการร่วมกับหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งในแต่ละปีสามารถช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ได้จำนวนมาก จับกุมผู้กระทำผิด และยึดคืนทรัพย์ที่ได้จากอาชญากรรม ผ่านกลไกหยุดการโอนเงินที่เรียกว่า I-GRIP ซึ่งช่วยสกัดกั้นเงินผิดกฎหมายได้แล้วหลายร้อยล้านดอลลาร์
ในยุคที่อาชญากรรมไซเบอร์พัฒนาเร็วพอ ๆ กับเทคโนโลยีที่ใช้หลอกลวง การเฝ้าระวังและความร่วมมือระดับโลกจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญในการต่อสู้กับศูนย์หลอกลวงออนไลน์ที่เบื้องหลังคือการค้ามนุษย์รูปแบบใหม่อย่างแท้จริง
อ้างอิง: Interpol