แนะคนพิการ เข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านการกู้ยืม ไม่มีดอกเบี้ย
พก. แนะคนพิการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านการกู้ยืมเงินกองทุนฯไม่มีดอกเบี้ย ผ่อนชำระคืนภายใน 5 ปี เช็กเงื่อนไข รายละเอียดที่นี่
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า กระทรวง พม. โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ได้ขับเคลื่อนงานด้านคนพิการ ผ่านการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพคนพิการให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการมีอาชีพ มีรายได้ เพื่อลดภาระการดูแลในครอบครัว ซึ่งอีกทางเลือกหนึ่ง คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการสามารถ “กู้ยืมเงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพหรือขยายกิจการ” จากกองทุนและส่งเสริมความเสมอภาคคนพิการ (กทพ.) เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเหลือคนพิการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยไม่มีดอกเบี้ย และผ่อนชำระคืนในระยะเวลา 5 ปี
สำหรับการกู้ยืมเงินกองทุนและส่งเสริมความเสมอภาคคนพิการ (กทพ.) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- การกู้รายบุคคล รายละไม่เกิน 60,000 – 120,000 บาท
- การกู้รายกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 1 ล้านบาท
คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ สามารถกู้ยืมเงินกองทุนฯผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
- เว็บไซต์ https://efund.dep.go.th/ ลงทะเบียนยื่นคำร้อง
- แอปพลิเคชัน “กู้ยืมเงินคนพิการ หรือ DepFund”รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android
- คนพิการเข้าใช้งานผ่าน DIGITAL ID โดยสามารถตรวจสอบผลการอนุมัติการกู้ยืมเงิน ยอดคงเหลือ และประวัติการชำระเงิน และสามารถชำระหนี้ที่กู้ยืมผ่าน QR Code
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกองทุนฯ
- กองกองทุนส่งเสริมความเสมอภาคคนพิการ และศูนย์บริการคนพิการกรุงเทพมหานคร สังกัดกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
- ศูนย์บริการคนพิการจังหวัด
- สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั่วประเทศ
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากฐานข้อมูล พก. กระทรวง พม. รายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีคนพิการที่จดทะเบียน จำนวน 2.2 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 3.39 ของประชากรไทยทั้งหมด (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการใช้บริการกู้ยืมเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพหรือขยายกิจการทั่วประเทศ ประมาณ 3 แสนราย มีวงเงินกู้ยืมประมาณ 11 ล้านบาทเศษ (ข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2568) ซึ่งผู้กู้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รองลงมาคือค้าขาย(ข้อมูลจากระบบงานกองทุนฯ ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2568)
