พายุโซนร้อน “หวู่ติบ”เข้าไทย 13-14 มิ.ย. เตือนเกษตรกรรับมือ

12 มิ.ย. 2568 | 04:57 น.
อัปเดตล่าสุด :12 มิ.ย. 2568 | 05:13 น.

"กระทรวงเกษตรฯ" แจ้งเตือนเกษตรกรเตรียมรับมือพายุโซนร้อน “หวู่ติบ” เข้าไทยวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนอย่างใกล้ชิด

วันที่ 12 มิถุนายน 2568  นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การประสานข้อมูลสถานการณ์น้ำระหว่างหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด  เตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่  เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที 

 

พายุโซนร้อน “หวู่ติบ”เข้าไทย 13-14 มิ.ย. เตือนเกษตรกรรับมือ

 

สำหรับสถานการณ์น้ำวานนี้ (11 มิ.ย.68) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 43,201 ล้านลบ.ม. (56% ของความจุอ่างๆ รวมกัน) สามารถรองรับน้ำได้อีก 33,289 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 13,126 ล้าน ลบ.ม. (53% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรองรับน้ำได้อีก 11,745ล้าน ลบ.ม.

กระทรวงเกษตรฯ แจ้งเตือนเกษตรกรเตรียมพร้อมรับมือพายุโซนร้อน “หวู่ติบ” พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนใกล้ชิด

นายเอกภาพ เปิดเผยด้วยว่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำชับให้ติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูฝนนี้ ล่าสุด ขอให้เกษตรกรเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบจากพายุโซนร้อน “หวู่ติบ” โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน ที่ไทยจะได้รับผลกระทบ ช่วง 13-14 มิ.ย.  โดยแบ่งตามภาคดังนี้

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

ภาคเหนือ ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก นอกจากนี้ควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรและระวังโรคที่มาพร้อมกับน้ำท่วม เช่น โรคเครียด โรคฉี่หนู โรคน้ำกัดเท้า โรคตาแดง และโรคอุจจาระร่วง เป็นต้น

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกษตรกรควรดูแลหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้มีรอยรั่วซึม และทำแผงกำบังลมและฝนให้แก่สัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้

 

ภาคกลาง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก นอกจากนี้ควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
 

ภาคตะวันออก เกษตรกรควรผูกยึดค้ำยันกิ่งไม้ผลให้มั่นคงแข็งแรง สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน ทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ

 

ภาคใต้ ฝั่งตะวันตก พื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก 

 

ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน ทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ นอกจากนี้ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา