นายดุสิต พงศาพิพัฒน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่มีความเสี่ยงจากน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะในช่วงพฤษภาคมถึงตุลาคม ซึ่งปีนี้ฝนมาเร็วกว่าปกติ จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมและบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตเมือง โดยเฉพาะบริเวณชุมชนกาดก้อมและศรีปิงเมือง ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากระบบระบายน้ำเดิมใช้มานานกว่า 30 ปี ไม่สามารถรองรับน้ำฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นจังหวัดเชียงใหม่จึงผลักดันโครงการ “พัฒนาคลองแม่ข่าอย่างยั่งยืน” ด้วยงบประมาณ 27 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบระบายน้ำในพื้นที่เศรษฐกิจและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
สำหรับ โครงการดังกล่าวประกอบด้วยการก่อสร้างระบบสูบน้ำที่มีความสามารถไม่น้อยกว่า 100,000 ลิตรต่อนาที พร้อมติดตั้งท่อส่งน้ำ HDPE ขนาด 1,000 มิลลิเมตร ระยะทางกว่า 150 เมตร เพื่อเชื่อมต่อจากศรีปิงเมืองสู่คลองแม่ข่าน้อย และระบายลงสู่แม่น้ำปิง โดยเทศบาลนครเชียงใหม่จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลหลังโครงการแล้วเสร็จ ในระยะเร่งด่วน เบื้องต้นเทศบาลได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราวในจุดเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรับมือฝนตกหนักในฤดูฝนนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วมขังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายรักชัย ศรีนวน ผู้อำนวยการส่วนพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่จะได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง และร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคเหนือ ทำให้ช่วงครึ่งแรกของเดือนมีฝนตกชุก 40–60% ของพื้นที่ บางแห่งอาจมีฝนตกหนัก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของเดือนคาดว่าปริมาณฝนจะลดลงอย่างมาก และอาจเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงนาน 1–2 สัปดาห์ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรนอกเขตชลประทาน แม้ว่าฝนเฉลี่ยทั้งเดือนจะอยู่ที่ 140–180 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าปกติร้อยละ 5 และอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงขึ้นประมาณ 0.5 องศาเซลเซียส
ข้อมูลจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีปริมาณฝนสะสมสูงถึง 349.6 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าปกติถึง 108.7% และมีฝนตกถึง 21 วัน ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 6 วัน ทำให้จังหวัดต้องเร่งมาตรการรับมืออุทกภัย
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนประชาชนให้ระวังฝนตกหนักในช่วงต้นเดือน และขอให้เกษตรกรวางแผนรับมือกับภาวะฝนทิ้งช่วงช่วงกลางถึงปลายเดือน พร้อมแนะให้ติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัยและความพร้อมในการประกอบอาชีพ
ขณะที่ความคืบหน้าในการขุดลอกแม่น้ำปิง ล่าสุดพล.ต. อนุมาศ พินิจชอบ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พร้อมด้วย พ.อ. ธเนษ ภัทรวรรณ เสนาธิการ สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้เปิดเผยว่า ได้เริ่มดำเนินการมาอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันทื่ 1 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยกองบัญชาการกองทัพไทย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้รับมอบภารกิจในการดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการรองรับและการไหลของแม่น้ำปิง เพื่อป้องกันอุทกภัยในเขตเมืองเชียงใหม่
สำหรับแผนการดำเนินงานได้เริ่มจากตำบลสันโป่ง อำเภอแม่ริม สิ้นสุดที่ ตำบลสบแม่ข่า อำเภอหางดง ระยะทางทั้งหมด 41 กิโลเมตรโดยสำนักงานพัฒนาภาค 3 แบ่งการดำเนินงานเป็น 5 ตอน ในระยะเร่งด่วนแรกและระยะเร่งด่วนถัดมา ซึ่งสภาพลำน้ำทั้งสายมีทั้งดินโคลน และดินดาน มากถึง 1,700,000 ลูกบาศก์เมตร ที่จะต้องนำออกจากลำน้ำ
โดยในขณะนี้ กำลังดำเนินการอยู่ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้ากาวิละ หน้าฝายพญาคำ และบริเวณหน้าสำนักงานแขวงนครพิงค์ สะพานหัวเหล็ก และสะพานวงแหวนรอบสาม โดยเรือขุดตะกอนทรายจะดูดตะกอนในแม่น้ำผ่านท่อลำเลียงไปยังจุดรวมกองดินและพักดินไว้ จากนั้นจะตักดินที่พักไว้ใส่รถเพื่อลำเลียงไปยังจุดทิ้งดิน ทั้ง 30 จุด ที่ได้จัดเตรียมไว้ ทั้งนี้ จะเร่งดำเนินการในส่วนพื้นที่เหลือตอนบนกับตอนล่างต่อไป เพื่อให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
ที่มาข้อมูล-ภาพ