อาลัย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” กับเส้นทางชีวิตพระเอกวัย 72 ปี

วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “เอ๋  ไพโรจน์ สังวริบุตร” อดีตพระเอกชื่อดังของไทย ถึงแก่กรรมอย่างสงบในวัย 72 ปี ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อเวลาประมาณตี 3 ที่ผ่านมา ท่ามกลางความอาลัยของผู้คนในวงการบันเทิง และแฟน ๆ ที่เติบโตมากับภาพยนตร์ของเขา โดยจะมีพิธีรดน้ำศพ ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร 

ไพโรจน์ สังวริบุตร ถือเป็นหนึ่งในพระเอกที่โด่งดังที่สุดในยุคทองของภาพยนตร์ไทยแนวรักวัยรุ่นช่วงปลาย 2516–2525 เรียกได้ว่าเขาคือ ผู้สร้างปรากฏการณ์ความนิยมในวงการภาพยนตร์ไทย โดยเฉพาะบทบาท “ตั้ม” ในภาพยนตร์เรื่อง วัยอลวน (ปี 2519) ที่กลายเป็นภาพยนตร์แห่งยุค สร้างกระแสล้นหลามทั้งด้านรายได้และความนิยม

บท “ตั้ม” ทำให้ เอ๋ ไพโรจน์ กลายเป็นพระเอกขวัญใจมหาชน ด้วยบุคลิกทะเล้น ขี้เล่น จริงใจ และอบอุ่น ถ่ายทอดภาพของวัยรุ่นไทยยุค 70 ได้อย่างสมจริงและเป็นธรรมชาติ 

ผลงานที่น่าจดจำ

นอกเหนือจาก วัยอลวน ไพโรจน์ยังมีผลงานการแสดงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง อาทิ

• รักอุตลุด (2520)
• ชื่นชุลมุน (2521)
• จำเลยรัก (2521)
• หงส์ทอง (2520)
• ผู้ใหญ่ลีกับนางมา (2528)

และยังสร้างภาพยนตร์ของตนเองอีกกว่า 11–12 เรื่อง

ด้านละคร

มีบทบาททั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เช่น ยุทธการปราบเมียน้อย (สร้าง กำกับ และแสดงเอง)

โนราห์, ลูกไม้ไกลต้น, รักในม่านเมฆ, ตลาดน้ำดำเนินรัก รวมถึงผลงานกับค่าย Polyplus เช่น แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา, ดั่งดวงหฤทัย, บ้านศิลาแดง ฯลฯ

ไพโรจน์ยังเคยทำอัลบั้มเพลงชื่อ “ผมทำเพื่อความมันส์ครับพี่” และมีบทบาทเป็นพิธีกรในรายการเรียลลิตี้ “The Trainer ปั้นฝันสนั่นเวที” ในฐานะครูใหญ่

ผู้สร้างผลงานทรงคุณค่า

ในปี 2552 ไพโรจน์ได้รับเกียรติให้ประทับรอยมือที่ลานดารา หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) เพื่อเชิดชูในฐานะผู้มีคุณูปการต่อวงการบันเทิงไทย

ชีวิตส่วนตัว

• เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 ที่อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
• เป็นบุตรของนายคารม สังวริบุตร และนางพรพรรณ วรรณมาตย์
• พี่สาวคือจีราภา ปัญจศิลป์ เจ้าของคณะละครวิทยุอัชชาวดี
• ลุงคือ ไพรัช สังวริบุตร ศิลปินแห่งชาติ

ประวัติการศึกษา

• ระดับ ปวส. สาขาช่างอิเล็กทรอนิกส์ จากวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ
• ระดับปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก

ครอบครัว

เคยสมรสกับ กชวัณณ์ ปิ่นจุฑานนท์ มีบุตร 3 คน ได้แก่ จิตรลดา, จิรายุษ และรวิกร ก่อนจะแยกทางกันในปี 2545 และใช้ชีวิตกับ ชญานิศวร์ พิริยศุภกาญจน์ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส