DE เตือนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม “พายุหอยหมีเข้าไทย” สร้างความสับสนกระทบความเชื่อมั่น

17 พ.ค. 2568 | 08:43 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ค. 2568 | 08:43 น.

กระทรวงดิจิทัลฯ ย้ำชัด ข่าวพายุ “หอยหมี” ไม่มีอยู่จริง ชี้สร้างความตระหนกในสังคม หลังศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมตรวจพบข้อความเท็จสูงสุดช่วง 9–15 พ.ค. พร้อมเตือนประชาชนอย่าแชร์ข้อมูลเท็จที่ไร้แหล่งอ้างอิง

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังข่าวปลอมผ่านระบบ Social Listening และช่องทางรับแจ้งเบาะแสของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 9–15 พฤษภาคม 2568 พบว่า มีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 623 ข้อความ จากจำนวนข้อความที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 817,000 ข้อความ

DE เตือนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม “พายุหอยหมีเข้าไทย” สร้างความสับสนกระทบความเชื่อมั่น

โดยพบว่า ข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ “พายุหอยหมีจะเข้าไทยในช่วงวันที่ 9–13 พฤษภาคม” ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จที่สร้างความสับสนและเข้าใจผิดในวงกว้าง

ทางกรมอุตุนิยมวิทยาและกระทรวงดีอีจึงออกมายืนยันว่า พายุดังกล่าวไม่มีอยู่จริง และไม่มีชื่ออยู่ในสารบบรายชื่อพายุหมุนเขตร้อนแต่อย่างใด

จากการตรวจสอบของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้าใกล้ประเทศไทย มีเพียงพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งอาจมีลักษณะฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง หรือบางพื้นที่อาจมีลูกเห็บตกบ้าง แต่ไม่ได้เป็นพายุรุนแรงในระดับที่ต้องประกาศเตือนพิเศษตามที่ข่าวปลอมกล่าวอ้าง

กระทรวงดีอีเตือนประชาชนว่า การเผยแพร่หรือแชร์ข่าวเท็จลักษณะนี้ อาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีบทลงโทษทั้งจำคุกและปรับ

สำหรับเบาะแสข่าวปลอมที่ได้รับการตรวจสอบจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนใหญ่พบผ่านระบบ Social Listening จำนวน 581 ข้อความ และผ่าน Line Official อีก 42 ข้อความ รวมแล้วมีทั้งหมด 217 เรื่องที่ต้องตรวจสอบ โดยได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 99 เรื่อง

กระทรวงดีอีได้จำแนกข่าวปลอมออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ ข่าวปลอมเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลและความมั่นคงภายใน 113 เรื่อง, ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสินค้าอันตราย 38 เรื่อง, ภัยพิบัติ 12 เรื่อง, เศรษฐกิจ 7 เรื่อง และอาชญากรรมออนไลน์อีก 47 เรื่อง

ข่าวปลอมอันดับ 2 ที่ประชาชนให้ความสนใจ คือ เรื่องตลาดทุเรียนไทยราคาตก เพราะรถขนส่งผลไม้ติดด่านศุลกากรจีนกว่า 500 คัน โดยกระทรวงดีอีร่วมกับกรมศุลกากรตรวจสอบและยืนยันว่า เป็นข้อมูลบิดเบือน

โดยศุลกากรจีนมีระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และเปิดช่องทางพิเศษสำหรับสินค้าผลไม้จากอาเซียน รวมถึงให้สิทธิ Priority แก่สินค้าทุเรียนจากไทย ทำให้ไม่มีเหตุการณ์รถติดค้างที่ด่านหนานหนิงตามที่ข่าวปลอมอ้างถึง

ส่วนข่าวปลอมที่ติดอันดับ 3–10 ล้วนเป็นข้อมูลที่อาจสร้างความตระหนกและความไม่เชื่อมั่นในระบบการบริหารงานของภาครัฐ เช่น ข่าวการเตรียมก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้าย, หมูเถื่อนจากจีน, การลงทะเบียนสินเชื่อผ่าน TikTok

รวมถึงการอ้างว่า ตม. เปิดเว็บไซต์สำรอง หรือกรมสรรพากรส่งอีเมลหลอกให้จ่ายภาษีปลอม ซึ่งทุกข่าวได้รับการตรวจสอบแล้วว่าไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น

ท่ามกลางกระแสข่าวปลอมจำนวนมากที่แพร่กระจายผ่านโซเชียลมีเดีย กระทรวงดีอีได้ย้ำเตือนให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งทางการเท่านั้น อาทิ เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา, ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือ Facebook Fanpage ของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ภัยพิบัติหรือประเด็นสำคัญมีความอ่อนไหว เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจผิดพลาดหรือเกิดความหวาดกลัวโดยไม่จำเป็น