วันนี้ (4 กุมภาพันธ์ 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศรินทร เลืองวัฒนะวณิช โฆษกกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ .... ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียมการยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ในชั้นบังคับคดี ตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอ
สำหรับการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชน ในการดำเนินคดี ประกอบกับเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ให้มากขึ้น และยังเป็นการช่วยลดปริมาณการบังคับคดีในชั้นบังคับคดี
ทั้งนี้ยังช่วยลดภาระในการจ่ายค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีบางประการที่ไม่จําเป็น เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากการไม่สามารถชําระหนี้ได้ และยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
สำหรับการปรับอัตราค่าธรรมเนียมตามกฎหมายใหม่ จะพิจารณาเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ลดลง แยกเป็น 5 เรื่องดังนี้
น.ส.ศรินทร กล่าวว่า ปัจจุบันมีหมายบังคับคดีในคดีแพ่งที่ส่งให้ไปกรมบังคับคดี 4,199,425 คดี แบ่งเป็น หมายบังคับคดีที่เจ้าหนี้ไปตั้งเรื่องทำการยึดอายัดกับกรมบังคับคดีแล้ว 844,553 คดี และเป็นหมายบังคับคดีที่รอเจ้าหนี้ไปดำเนินการขอยึดอายัดทรัพยสินของลูกหนี้อีก 3,354,872 คดี
ทั้งนี้ในจำนวนหมายบังคับคดีทั้งหมด 844,553 คดี ที่เจ้าหนี้ดำเนินการยึดอายัดอยู่ขณะนี้นั้น มีทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 1 ล้าน ส่วนคดีที่เจ้าหนี้ยังไม่ตั้งเรื่องยึดอายัดทรัพย์ของลูกหนี้ทั้งหมด 3,354,872 คดี มีทุนทรัพย์ตามหมายบังคับคดี ทั้งสิ้น 16.93 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตามหากกฎหมายฉบับใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว จะทำให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมของกระทรวงยุติธรรมลดลงจากเดิมเฉลี่ยปีละ 1,500 ล้านบาท ลดลง 500-600 ล้านบาท หรือ 35% ของรายได้ที่เรียกเก็บ และส่งคืนเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป
"กฎหมายฉบับนี้ จะช่วยลดภาระให้กับลูกหนี้และทำให้จำนวนยอดหนี้ที่อยู่ในกระบวนการบังคับคดีลดลงได้ เพิ่มประสิทธิภาพในการไกล่เกลี่ยระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ด้วย เพราะปัจจุบันมีคดีที่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ แต่ยังไม่สามารถตกลงเรื่องค่าธรรมเนียมบังคับคดี ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นหน้าที่ของเจ้าหนี้ผู้นำยึด แต่ส่วนใหญ่ถูกผลักไปให้ลูกหนี้ การแก้กฎหมายฉบับนี้จึงช่วยให้ลูกหนี้สามารถนำทรัพย์สินหลุดออกการบังคับคดี นำกลับไปจำหน่ายจ่ายโอน หรือจำนองได้" น.ส.ศรินทร กล่าว