ในโลกที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง "การเปลี่ยนแปลงถาวร" (perma-change) ได้กลายเป็นคำนิยามของยุคปัจจุบัน ทั้งจากการปฏิวัติดิจิทัล วิกฤตเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ธุรกิจในปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยี การปรับตัวของวัฒนธรรมองค์กร หรือการตอบสนองต่อความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของพนักงาน
การทำงานร่วมกันของบุคลากรจาก 5 รุ่นอายุที่แตกต่างกันเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับองค์กร โดยเฉพาะ Gen Z กลุ่มคนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2541-2565 (1998-2024) ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีดิจิทัล พวกเขากำลังพลิกโฉมวัฒนธรรมองค์กร ด้วยการให้ความสำคัญกับความโปร่งใส ความยืดหยุ่น และการนำเทคโนโลยีมาตอบโจทย์ชีวิตในยุคปัจจุบัน ธุรกิจที่ต้องการอยู่รอดและเติบโตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันและตอบสนองต่อความต้องการของพนักงานกลุ่มนี้อย่างเหมาะสม
Gen Z ไม่เพียงแต่เติบโตมาพร้อมกับอินเทอร์เน็ต แต่พวกเขายังมองเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การใช้แอปพลิเคชัน การเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแม้กระทั่งการทำงานร่วมกับ AI เป็นสิ่งที่ Gen Z คุ้นเคยตั้งแต่วัยเด็ก การสำรวจจากต่างประเทศของ EY Work Reimagined Survey ในปี 2567 ชี้ให้เห็นว่า เกือบ 40% ของพนักงาน Gen Z มีแนวโน้มลาออกจากงานในปีนี้ สาเหตุหลักมาจากความไม่พอใจในเครื่องมือที่ไม่ตอบโจทย์การทำงาน หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของพวกเขา สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าหากองค์กรไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของบุคลากรกลุ่มนี้ได้ ก็อาจเสียพวกเขาไปให้กับองค์กรที่พร้อมจะปรับตัว
ในอดีต ความแตกต่างทางวัยในที่ทำงานอาจไม่ได้มีนัยสำคัญเท่าปัจจุบัน แต่ในยุคนี้ ความหลากหลายของพนักงานที่ครอบคลุมตั้งแต่รุ่น Baby Boomers กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2489-2507 (1946-1964) จนถึง Gen Z กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่องค์กรต้องคำนึงถึง ตัวอย่างเช่น พนักงานรุ่น Baby Boomers อาจเคยชินกับการทำงานในระบบเอกสารหรือการสื่อสารแบบดั้งเดิม ขณะที่ Gen Z ต้องการเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและคล่องตัวเหมือนแอปโซเชียลมีเดีย การเชื่อมโยงบุคลากรจากหลากหลายรุ่นเข้าด้วยกันจึงต้องอาศัยความเข้าใจในความต้องการและศักยภาพที่แตกต่างกันอย่างแท้จริง
สิ่งที่องค์กรสามารถทำได้ทันทีคือ สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ส่งเสริมความร่วมมือข้ามรุ่น การตั้งทีมงานที่ประกอบด้วยคนจากหลายช่วงวัย การเปิดพื้นที่ให้พนักงานรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ หรือแม้กระทั่งการลดทอนลำดับชั้นในองค์กร ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดียและนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญคือ การพัฒนาทักษะของบุคลากรในยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (automation) แม้ว่า Gen Z จะมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีมากกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่หลายครั้งพวกเขาอาจประเมินทักษะของตนเองสูงเกินไป ขณะที่พนักงานรุ่น Gen X หรือ Millennials กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540 (1980-1997) อาจมอง AI ด้วยความระมัดระวังมากกว่า ดังนั้น การจัดอบรมที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละรุ่นจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมหน้าการทำงานอย่างต่อเนื่อง
นอกจากการพัฒนาทักษะแล้ว การสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีและมิติด้านมนุษย์ยังเป็นสิ่งที่องค์กรต้องคำนึงถึง แม้ว่า AI และระบบอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ทักษะของมนุษย์ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ และความเห็นอกเห็นใจ ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทดแทนได้ องค์กรที่สามารถผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความเป็นมนุษย์จะมีโอกาสเติบโตในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้
อ้างอิง: WEF