อัคราฯอุทธรณ์โต้ปิดเหมือง วอนขอความเป็นธรรม พร้อมให้ข้อมูลทุกด้านแก่สังคม

07 มิ.ย. 2559 | 12:30 น.
เหมืองทองอัครา ออกโรงยื่นหนังสืออุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งปิดเหมืองทอง ชี้เหตุผลอ้างลดความขัดแย้งในพื้นที่ ไม่เป็นธรรมกับบริษัท จี้ภาครัฐเร่งหาข้อสรุปผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม สร้างความกระจ่างขณะที่กพร. ยันรับเรื่องแล้ว ให้ทีมกฎหมายดูในรายละเอียด ก่อนมีหนังสือชี้แจงกลับไป

นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการฝ่ายประสานกิจการภายนอก บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการเคลื่อนไหวของบริษัท จากกรณีคำสั่งปิดเหมืองแร่ทองคำชาตรีสิ้นปี 2559 ว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา บริษัท ได้ส่งหนังสือขออุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ 1/2551 ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ตามหนังสือของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่ อก 0512/1853 ฉบับลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2559 ถึงอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากผลการประชุมของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา มีมติยุติการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำและประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ รวมถึงคำขอต่ออายุประทานบัตรทั่วประเทศ ในส่วนของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นควรให้ต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมไปจนถึงสิ้นปี 2559 หลังจากนั้นให้ทางบริษัทปิดเหมืองและฟื้นฟูพื้นที่ตามแผนที่วางไว้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน)

"กรณีนี้ผู้ดำเนินงานเหมืองแร่ทองคำชาตรี เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่เป็นธรรมต่อบริษัทและพนักงาน จึงวิงวอนให้ภาครัฐหาข้อสรุปด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้กระจ่างตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และคลายความกังวลใจที่เกิดขึ้นในชุมชน "

นายเชิดศักดิ์ กล่าวอีกว่าการยื่นหนังสือขออุทธรณ์ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าบริษัทได้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรีตามมาตรฐานสากล ด้วยความรับผิดชอบต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมเสมอมาตั้งแต่เริ่มดำเนินการ ซึ่งการประกอบกิจการนั้นเป็นไปตามกฎหมาย และปฏิบัติตามมาตรการ EHIA อย่างเคร่งครัดทุกประการ

นอกจากนั้นบริษัท ยังได้รับการตรวจวัดทางสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด ได้จัดให้มีการตรวจวัดฝุ่น เสียง น้ำ แรงสั่นสะเทือน และก๊าซจากปล่องในโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนตรวจสุขภาพประชาชนที่อาศัยโดยรอบทุกๆ 3 เดือนตามหลักวิชาการ และข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน จากหน่วยงานที่กำกับดูแลโดยตรง ทั้งจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกๆ 3 และ 6 เดือนอยู่สม่ำเสมอ จึงไม่ใช่สาเหตุที่ก่อให้เกิดผลกระทบในด้านต่างๆ ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพตามที่เกิดเป็นข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ตามแนวปฏิบัติที่ผ่านมา การขอต่ออายุใบอนุญาตโลหกรรมของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) จะได้รับการต่ออายุโดยมีกำหนดไม่ตํ่ากว่า 3-5ปี และ บมจ.อัครา รีซอร์สเซส ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบตามที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ทุกประการ จึงสมควรได้รับการต่ออายุใบอนุญาตอีก 5 ปี เฉพาะในส่วนของการกำหนดอายุใบอนุญาต โดยกำหนดให้ใบอนุญาต มีอายุตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม2559 ถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2564

ด้านนายชาติ หงส์เทียมจันทร์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ได้รับหนังสือขออุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรม ของบริษัท อัคราฯ แล้ว ซึ่งตามกฎหมายก็สามารถยื่นอุทธรณ์มาได้ ขณะนี้ทาง กพร.ก็ให้ทีมกฎหมายดูคำอุทธรณ์ ถ้าเห็นว่าเราทำครบถ้วนถูกต้อง เราก็จะมีหนังสือชี้แจงกลับไปว่าเราเห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ของบริษัท อัคราฯ หรือไม่

"ส่วนจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหรือไม่นั้น หาก บริษัท อัคราฯ จะฟ้องต่อศาล ก็สามารถทำได้ ในแง่ กพร.ก็ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลต่อไป ซึ่งในกรณีนี้ถือเป็นกรณีตัวอย่างของประเทศ เพราะมีปัญหาสุขภาพอนามัยของประชาชน ว่ามีการตรวจพบคนมีโลหะหนัก และบางพื้นที่ก็ไม่มีเหมืองทองคำแต่ก็พบเช่นเดียวกัน ดังนั้นควรทำการศึกษาต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ทางสาธารณะสุขของประเทศ และจะเกิดประโยชน์ต่อกระทรวงอุตสาหกรรมด้วยในการวางแผนบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติทั่วประเทศ"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,163 วันที่ 5 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559