พลังงานที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ ล้วนมีต้นกำเนิดมาจาก “ปิโตรเลียม” (Petroleum) เป็นน้ำมันจากหินในชั้นหินใต้พื้นผิวโลก ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการทับถมกันของซากพืชซากสัตว์มาเป็นเวลานาน จากนั้นก็ย่อยสลายสะสมรวมตัวกันอยู่ เมื่อผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดความร้อนและความดันจึงแปรสภาพเป็นปิโตรเลียม หรือ “เชื้อเพลิงฟอสซิล” โดยมีธาตุเป็นองค์ประกอบหลัก คือ คาร์บอน และไฮโดรเจน และอาจมีธาตุอื่น เช่น กํามะถัน ออกซิเจน ไนโตรเจน ปนอยู่ด้วย มีลักษณะต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมที่เกิด เช่น ของแข็งเป็นถ่านหิน ของเหลวเป็นน้ำมันดิบ ก๊าซเป็นก๊าซธรรมชาติ
แต่กว่าจะเปลี่ยน “ปิโตรเลียม” ที่สามารถนำมาใช้ได้ตามความต้องการ ต้องใช้ระยะเวลาการสำรวจและพัฒนาไม่น้อยกว่า 10 ปี พร้อมกับเงินลงทุนอย่างมาก มีขั้นตอนการดำเนินการดังต่อไปนี้
5 ปี เช็ก คือ ระยะเวลาในการสำรวจ
5 ปี เจาะ คือ ระยะเวลาการพัฒนา
ช่วงผลิตปิโตรเลียม
ปิโตรเลียมที่ได้ต้องนำมาผ่านกระบวนการกลั่นน้ำมันและแยกก๊าซธรรมชาติ เพื่อออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ ที่สามารถนำไปใช้ได้ตรงกับความต้องการ ดังนี้
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือก๊าซหุงต้ม LPG น้ำมันเบนซิน น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน น้ำมันดีเซล น้ำมันก๊าด น้ำมันเตา และยางมะตอย
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการแยกก๊าซธรรมชาติ ได้แก่ ก๊าซมีเทน (C1) ก๊าซอีเทน (C2) ก๊าซโพรเพน (C3) ก๊าซบิวเทน (C4) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas: LPG) ก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGL: Natural Gas Liquid, C5+) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
การผลิตพลังงานไม่ว่าจะผลิตออกมาเป็นพลังงานชนิดใด ย่อมมีขั้นตอน กระบวนการผลิตที่ซับซ้อน และใช้ต้นทุนมหาศาล ดังนั้นแล้วเราทุกคนควรใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและคุ้มค่าที่สุด เพราะพลังงานผลิตได้ยากจริงๆ