‘บิ๊กซี’เปิดโมเดลมินิไฮเปอร์ เจาะอำเภอรอง /ยํ้าผู้นำด้านราคารักษาฐานลูกค้า

20 พ.ค. 2559 | 07:00 น.
"บิ๊กซี" ไม่หวั่นบีเจซีปรับโครงสร้างทีมบริหารใหม่ เดินหน้าทุ่มงบ 5-6 พันล้านบาทลงทุนต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวโมเดล "มินิไฮเปอร์" สาขาใหม่ระนอง เผยเป็นหัวหอกหลักเจาะใจกลางอำเภอรอง พร้อมชูกลยุทธ์ "ราคา" ดึงกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้น

ดร. ทรงศักดิ์ วิจัยธรรมฤทธิ์ ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร "บิ๊กซี" เปิดเผยว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นของบิ๊กซี แต่บิ๊กซียังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณที่วางไว้ตั้งแต่ปลายปีก่อน ในวงเงิน 5-6 พันล้านบาท โดยมีแผนขยายสาขาบิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต 6 แห่ง เน้นในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่เป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ บิ๊กซี มาร์เก็ต 3 แห่ง เน้นในต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมินิบิ๊กซี 75 แห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดเป็นสาขาของแฟรนไชส์ 50 แห่ง ซึ่งมีผู้สนใจต้องการลงทุนในรูปแบบของแฟรนไชส์จำนวนมาก และล่าสุดได้เปิดทดลองร้านมินิ บิ๊กซี ของแฟรนไชส์ไปแล้ว 4-5 แห่ง อาทิ สมุทรสาคร , สระบุรี ฯลฯ พบว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างดี เนื่องจากมีรูปแบบที่ทันสมัย ให้ผลตอบแทนสูงและมีสินค้าหลากหลายกว่าคู่แข่ง ทำให้บริษัทมีแผนขยายสาขาต่อเนื่อง และคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ล่าสุดบริษัทใช้งบลงทุน 400-600 ล้านบาทในการขยายสาขาบิ๊กซี ระนอง ในโมเดลมินิไฮเปอร์ โดยมีพื้นที่ประมาณ 1 หมื่นตารางเมตร เป็นอาคารชั้นเดียวจำนวน 6 โซนอาทิ ฟู้ดคอร์ท , ร้านค้าเช่า , ซูเปอร์มาร์เก็ต , โรงภาพยนตร์ ฯลฯ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของผังเมือง ในการขยายสาขาที่ตั้งอยู่ในเขตชุมชน และนโยบายของบริษัทที่เน้นการขยายสาขาตามหัวเมืองชั้นรอง หรืออำเภอรอง เพื่อให้บริการเข้าถึงลูกค้าในทุกระดับ โดยระนองถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ มีประชากรทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา ซึ่งมีทั้งนักธุรกิจและผู้ใช้แรงงาน ดังนั้นสื่อ รวมถึงป้ายต่างๆ ภายในศูนย์จึงมีภาษาทั้งสองภาษาคือไทยและเมียนมา เพื่อสื่อสารไปยังลูกค้า นอกจากนี้ยังมีพนักงานชาวเมียนมา คอยให้การบริการด้วย โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 1 หมื่นคนต่อวันในวันธรรมดา และเพิ่มขึ้น 30% ในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์

"กลยุทธ์การทำตลาด บริษัทยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านราคา ต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ที่เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ "ก้อง สหรัถ สังคปรีชา" พร้อมกับคอนเซปท์ "ถูกสุดๆไปเลย" ในเดือนมีนาคม พบว่าบิ๊กซีได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า เห็นได้จากการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้น, การจดจำแบรนด์ , แคมเปญ รวมถึงการเป็นแบรนด์ของครอบครัวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนารูปแบบอื่นๆ เช่น บิ๊กซี จัมโบ้ เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายด้วย " ดร.ทรงศักดิ์กล่าวและว่า

แม้เมืองระนองจะมีคู่แข่งทั้งเทสโก้ โลตัสและแมคโคร แต่ด้วยจุดขายที่เป็นไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ มีสินค้าและบริการที่หลากหลาย โดยเฉพาะมีโรงภาพยนตร์เชื่อว่าจะเป็นแม็กเน็ตสำคัญในการดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการสำหรับผลประกอบการ ของบิ๊กซี ในไตรมาส 1 ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 1,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66ล้านบาทหรือ 4.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลมาจากการเติบโตของอัตรากำไรจากการดำเนินงานและการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการและการลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงาน ขณะที่ภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ส่งผลต่อภาคเกษตรกรรม ทำให้ลดการใช้จ่ายและเลือกใช้จ่ายเฉพาะสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและเสื่อผ้า อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง

อย่างไรก็ดีหลังจากที่บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี บริษัทในเครือทีซีซี กรุ๊ป ได้เข้าซื้อกิจการของบิ๊กซีพร้อมกับจัดตั้งบริษัท บีเจซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัดขึ้นเพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการล่าสุดได้แต่งตั้งนายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล เข้ามาเป็นกรรมการบริหารและประธานกรรมการบริหาร โดยมีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ และล่าสุดบีเจซีฯ ยังได้เข้าซื้อหุ้นจำนวน 25% ต่อจากกลุ่มเซ็นทรัลอีกด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,158 วันที่ 19 - 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559