โควิด-19 ทะลุ 600 ล้านแล้วทั่วโลก ย้ำ ใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสำคัญมาก!

21 ส.ค. 2565 | 04:57 น.

"หมอธีระ" โพสต์ข้อความ การติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ยอดทะลุกว่า 600 ล้าน เสียชีวิตกว่า 6.4 ล้าน ย้ำ วิธีที่ดีที่สุด คือ ใส่หน้าอากากอนามัยอย่างถูกวิธีให้เป็นกิจวัตรปกติของชีวิต ระบุการฉีดวัคซีนช่วยลดความเสี่ยง Long COVID ได้ราว 15%

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" กล่าวถึงปริมาณการติดเชื้อโควิด -19 ของคนทั่วโลก ในระยะเวลา 2 ปี 9 เดือน รวมติดเชื้อไปแล้ว 600,218,960 คน เสียชีวิตรวม 6,470,506 คน และ 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย อิตาลี และไต้หวัน โดยเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2565 ติดเพิ่ม 624,379 คน ตายเพิ่ม 1,145 คน 

 

"หมอธีระ" ยังให้รายละเอียดอีกว่า... วันที่ 20 สิงหาคม 2565 จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก

 

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 89.69 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 71.35
 

...สถานการณ์ระบาดของไทย

 

จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่าจำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 14 ของโลก และอันดับ 6 ของเอเชีย แม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม...เทียบไข้หวัดใหญ่สเปน และโควิด-19

 

ไข้หวัดใหญ่สเปนนั้นถือเป็นการระบาดที่รุนแรงที่สุดในอดีต โดยทำให้คนติดเชื้อไปราว 500 ล้านคน โดยใช้เวลาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 1918 ถึงเมษายน 1920 คิดเป็นเวลาราว 2 ปี 2 เดือน

 

ในขณะที่โรคโควิด-19...(ไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา และไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่) นั้น ก้าวข้ามไข้หวัดใหญ่ไปมาก โดยสถิติล่าสุดวันนี้ทะลุ 600 ล้านไปแล้ว โดยใช้เวลา 2 ปี 9 เดือน

 

ลองดูช่วงที่โควิด-19 แตะ 500 ล้านคนนั้นพบว่าประมาณวันที่ 9 เมษายน 2022 หากประมาณระยะเวลาก็จะพบว่าเคสแรกในโลกพบเมื่อพฤศจิกายน 2019 นั่นคือใช้เวลาราว 2 ปี 5 เดือน 
 

จะสังเกตว่าระยะเวลาถึง 500 ล้านคนนั้น โควิด-19 พอๆ กับไข้หวัดใหญ่ แต่อย่าลืมว่ายุคสมัยต่างกันถึง 100 ปี โดยปัจจุบันมีความรู้ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ สุขอนามัย เทคโนโลยี และอื่นๆ มากกว่าอดีตอย่างมาก แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องของการติดเชื้อนั้นกลับไม่ต่างกันเท่าใดนัก เหตุผลหนึ่งที่พอจะอธิบายได้คือ ความหนาแน่นประชากร และปัจจัยแวดล้อมทางสังคม อาทิ รูปแบบการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง 

 

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ต่างกันมากระหว่างอดีตกับปัจจุบันคือ จำนวนผู้เสียชีวิต โดยยุคไข้หวัดสเปนนั้นคาดประมาณว่ามีคนเสียชีวิตราว 17-50 ล้านคน  ในขณะที่ยุคโควิด-19 นั้น นับถึงช่วงที่ติดไป 500 ล้านคน มีเสียชีวิตไปราว 6.2 ล้านคน อันเป็นผลมาจากยาและวัคซีน รวมถึงวิทยาการด้านการแพทย์และเทคโนโลยี
ที่น่ากังวลคือ โรคโควิด-19 ไม่ได้หยุดที่ 500 ล้าน แต่การระบาดยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ลักษณะการใช้ชีวิตและการป้องกันตัวของประชาชน รวมถึงความไม่เป็นธรรมด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นและทำให้การเข้าถึงบริการที่จำเป็นนั้นไม่ทั่วถึง ไม่เพียงพอ หรือไม่มีคุณภาพ เช่น การตรวจโรค การดูแลรักษา การป้องกัน และกลไกการสนับสนุนทางสังคม

 

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของไทยเรา การติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันยังสูงมาก จำนวนเสียชีวิตก็ติดอันดับต้นๆ ของเอเชีย และ Top 10-20 ของโลกมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เราตระหนักว่า การป้องกันตัวระหว่างดำรงชีวิตประจำวันถือเป็นเรื่องจำเป็นวงวิชาการทั่วโลกมิได้กังวลแค่เรื่องติดเชื้อ ป่วย และตาย แต่ปัญหาระยะยาวอย่าง Long COVID คือ Pandora box ที่ไม่อยากให้แจ็คพอตเกิดขึ้น เพราะยังไม่มีความรู้ตกตะกอนดีพอ และยังไม่มีวิธีรักษาที่จำเพาะเจาะจง

การฉีดวัคซีนช่วยลดความเสี่ยง Long COVID ได้ราว 15% 

 

ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ การใช้ชีวิตโดยป้องกันตัวอย่างเป็นกิจวัตร การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องนั้นเป็นหัวใจสำคัญ