ฝ่ายมั่นคง แจงเหตุระเบิดป่วน 17 จุดชายแดนใต้

17 ส.ค. 2565 | 06:27 น.

ฝ่ายมั่นคง ชี้แจงเหตุระเบิดป่วน 17 จุดชายแดนใต้ หลังกลุ่มเคลื่อนไหวเสียชีวิต ถูกจับกุมหลายราย พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและการเตรียมระเบิด สร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

กรณีเหตุการณ์คนร้ายได้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์กระจายพร้อมกัน 17 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เมื่อคืนนี้ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 ราย ขณะที่ร้านสะดวกซื้อ ปั้มน้ำมัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก  พล.ต.ปราโมทย์  พรหมอินทร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า จากการตรวจสอบลักษณะการก่อเหตุในขั้นต้น พบว่าคนร้ายใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะเข้ามาก่อเหตุด้วยการโยนระเบิดเพลิงใส่, วางวัตถุต้องสงสัย ทั้งด้านหน้าและภายในร้านสะดวกซื้อ ก่อนเกิดระเบิดขึ้น

ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ตรวจพบภาพข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและการเตรียมวัตถุระเบิด รวมทั้งคนร้ายได้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเสร็จสิ้นเดือนรอมฏอนพบว่าคนร้ายได้ก่อเหตุและพยายามสร้างสถานการณ์หลายเหตุการณ์ จนนำไปสู่การติดตามบังคับใช้กฎหมายเป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิตหลายราย นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมตัวกลุ่มคนร้ายและตรวจยึดวัตถุพยานได้เป็นจำนวนมาก

ภายหลังการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1-2 ส.ค.65 นอกจากจะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเข้าพรรษาสันติสุขตามข้อเสนอของคณะพูดคุยฝ่ายไทยแล้ว พบว่าคนร้ายมุ่งสร้างสถานการณ์ด้วยการลอบยิงและลอบวางระเบิดต่อเป้าหมายอ่อนแอเชิงสัญลักษณ์ ระบบสาธารณูปโภคมากขึ้น และล่าสุดมุ่งโจมตีต่อเป้าหมายระบบเศรษฐกิจ ซึ่งการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวนอกจากได้สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังทำลายบรรยากาศของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขและทำลายความเชื่อมั่นในระบบอำนาจรัฐ

 

ปัจจัยที่เป็นมูลเหตุจูงใจการก่อเหตุเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งไป ทั้งนี้จะทำการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานและหลักฐานต่างๆ เพื่อพิสูจน์ทราบกลุ่มคนร้ายรวมทั้งตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้านเพื่อวิเคราะห์ปัจจัย / มูลเหตุจูงใจการก่อเหตุเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ยังคงยืนยันในเจตนารมย์การแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีด้วยการบังคับใช้กฎหมาย ด้วยความอดทน อดกลั้น อย่างระมัดระวัง เพื่อติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายเข้าดำเนินคดีตามกฎหมาย ตลอดจนยังคงมุ่งเน้นสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูลและหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขต่อไป