ออกหมายจับ "หนุ่มสิงคโปร์-สาวไทย" โกงแบรนด์เนม 800 ล้าน

21 ก.ค. 2565 | 07:53 น.

สื่อต่างประเทศรายงาน ตำรวจสิงคโปร์ ออกหมายจับ "หนุ่มสิงคโปร์-สาวไทย" โกงแบรนด์เนม 800 ล้าน ด้านตำรวจไทยพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่

วันที่ 21 กรกฎาคม 2565 สื่อต่างประเทศ  หนังสือพิมพ์ Straits times รายงานว่า ตำรวจสิงคโปร์ เปิดเผยโฉมหน้าของหนุ่มสิงคโปร์และสาวไทย สองสามีภรรยาฉ้อโกงนาฬิกาหรูและสินค้าแบรนด์เนมจากลูกค้า มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท 

ข้อมูลการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาคือนาย พี เจียเผิง ชาวสิงคโปร์อายุ 26 ปี และ นางสาวศิริวิภา พันสุข ชาวไทย อายุ 27 ปี  ได้หนีออกนอกประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 โดยหลบซ่อนตัวอยู่ในรถบรรทุก มีนายโมฮัมเหม็ด อาเลียส ชาวมาเลเซียอายุ 40 ปี ผู้ให้ความช่วยเหลือ คาดว่าทั้งคู่กำลังกบดานอยู่ในประเทศไทย เเละทำการสืบสวนข้อกล่าวหาที่ว่าทั้งคู่ฉ้อโกงเงินลูกค้า รวมถึงการตรวจสอบบริษัท Tradenation และ Tradeluxury ที่มีความเกี่ยวข้องกับสองสามีภรรยาคู่นี้   

 

ตำรวจได้ออกหมายจับและได้แจ้งไปยังตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลเพื่อออกหมายแดง สามารถจับกุมทั้งสองคนได้จากทุกแห่งบนโลก  

พฤติการณ์ของทั้งคู่ เหยื่อเปิดเผยว่า ได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้กับทั้งสองคนเพื่อเป็นค่ากระเป๋าแบรนด์เนมและนาฬิกาหรู แต่ทั้งสองคนก็ไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ โดยเหยื่อได้เข้าแจ้งความกว่า 180 ครั้งนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ ตำรวจได้จับกุมนายพี เจียเผิง เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ในคดีฉ้อโกง และได้ยึดพาสปอร์ตเอาไว้ก่อนที่จะได้รับการประกันตัวออกมา ในส่วนของ น.ส.ศิริวิภา ร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ในการสืบสวนคดี และได้มอบพาสปอร์ตของเธอไว้กับตำรวจ จากนั้นตำรวจก็ไม่สามารถติดต่อทั้งสองคนได้อีกเลย

 

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สตช. ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลจาก กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ปัจจุบัน องค์การตำรวจสากล ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศด้านการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งมีประเทศสมาชิกจำนวน 195 ประเทศทั่วโลก ได้ออกหมายแดง (Red Notice) ตามที่ทางการสิงคโปร์ร้องขอจริง

 

ออกหมายจับ "หนุ่มสิงคโปร์-สาวไทย" โกงแบรนด์เนม 800 ล้าน

แต่ยังไม่ได้มีการประสานเรื่องหรือร้องขอมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหากได้รับการประสานมาเมื่อใด ก็พร้อมที่จะดำเนินการแจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทางการสิงคโปร์ทันที และทำการจับกุมตัว เพื่อนำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป