"พีระพันธุ์"อุ้มผู้ค้าเจรจาการเคหะฯลดค่าเช่าแผงทั่วประเทศ

07 ก.ค. 2565 | 05:03 น.

"พีระพันธุ์"เคลียร์ปัญหาพร้อมรื้อสัญญาค่าเช่าพื้นที่ตลาดเคหะฯทั่วประเทศ ตัดคนกลางหาผลประโยชน์ ย้ำปีนี้หั่นราคาเหลือ 900 บาทต่อเดือน เผยแนวทางแก้ไขปัญหาร้องเรียนมุ่งสร้างความเป็นธรรมและให้ประโยชน์ทุกฝ่าย

วันที่ 7 ก.ค.65 ที่ห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหารการเคหะแห่งชาติ ประกอบด้วย พลตรี ดร.เจียรนัย วงศ์สะอาด ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ และนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และกลุ่มตัวแทนภาคประชาชน ผู้ค้าจากตลาดห้วยขวาง ตลาดดินแดง เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาตามข้อร้องเรียน โดยขอให้การเคหะฯ พิจารณาเรื่องการต่อสัญญาการเช่าแผงค้า รวมถึงขอให้ลดค่าเช่าพื้นที่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19  และวิกฤตด้านพลังงาน ส่งผลต่อรายได้และความเป็นอยู่ในขณะนี้

 

\"พีระพันธุ์\"อุ้มผู้ค้าเจรจาการเคหะฯลดค่าเช่าแผงทั่วประเทศ

นายพีระพันธุ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมร่วมกันในวันนี้ ได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น จึงหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดหาแนวทางแก้ปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว ซึ่งพบว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากการที่มีกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่หน่วยงานของการเคหะฯ ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เข้ามารับช่วงบริหารต่อ ทำให้เกิดผลกระทบมากมาย จึงได้เชิญผู้บริหารจากการเคหะฯ มาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน และแนวทางที่ดีที่สุด คือการรื้อระบบใหม่ทั้งหมด พร้อมออกกฎระเบียบใหม่ โดยการเคหะฯ จะเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการตลาดเองทั้งหมดทั่วประเทศ เพื่อเป็นการตัดคนกลางออก ซึ่งจะทำให้ผู้ค้าจ่ายค่าเช่าพื้นที่ในราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสม

 

“จากที่ผมได้รับแจ้งจากทางการเคหะฯ คือ ขณะนี้ได้ร่างกฎระเบียบใหม่ขึ้นมา โดยมีข้อกำหนดต่างๆ ที่เป็นธรรม โดยเฉพาะการให้สิทธิกับผู้เช่าที่เป็นคนในพื้นที่ หรือกลุ่มที่ค้าขายดั้งเดิมเท่านั้น เพื่อป้องกันการหาประโยชน์จากบุคคลอื่นนอกพื้นที่ รวมถึงการกำหนดค่าเช่าพื้นที่ใหม่ให้มีราคาที่เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน โดยปีนี้จะกำหนดอยู่ที่เดือนละ 900 บาท ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ และจะประเมินราคาอีกครั้งในปีถัดไป อีกทั้งการนำรายได้ที่จัดเก็บจากผู้ค้านั้น สามารถนำไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์กับตลาดและชุมชนมากที่สุด" นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากการพูดคุยเบื้องต้นทางผู้ร้องเรียน พ่อค้าแม่ค้า พอใจกับแนวทางดังกล่าว และยินดีที่จะพูดคุยแก้ปัญหา และทางการเคหะฯ ก็รับปากที่จะไปแก้ไข เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและผ่อนปรนช่วยเหลือประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ที่ทุกฝ่ายสามารถเข้ามาเจรจากันด้วยการใช้เหตุผล ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้เร็วขึ้น

 

สำหรับในส่วนของคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตนเป็นประธานกรรมการ เพื่อดำเนินการติดตามเร่งรัดการแก้ปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากนั้น จะเริ่มประชุมนัดแรกในวันที่ 11 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยจะมีแนวทางในการดำเนินการเช่นเดียวกัน คือ

 

เร่งรัดให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไข มุ่งให้ความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้เป็นรูปธรรม เพราะประชาชนที่ร้องเรียนมาทุกคนต่างคาดหวังว่าปัญหาของเขาจะได้รับการแก้ไขอย่างเร็วที่สุด หรืออย่างน้อยก็ได้รับรู้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินการติดตามเรื่องให้เขาแล้ว ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลเองให้ความสำคัญ และหลังจากนี้ก็จะเร่งดำเนินการให้การทำงานเป็นไปอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

 

“ผมมีแนวทางแบบนี้ตลอด ประชาชนเดือดร้อน เขาไม่ได้คิดว่าจะต้องได้ แต่อย่างน้อย คือ มีคนรับฟังเขา และเห็นว่าเราตั้งใจที่จะแก้ปัญหาให้ อย่างน้อยก็ได้ลดความตึงเครียดลงไปได้ ทำให้ทุกฝ่ายสามารถมาพูดคุยรับฟังเหตุผลกันมากขึ้น ดังนั้นในการทำงานของผมนั้น จึงเน้นเรื่องของการรับฟัง และเริ่มต้นที่คิดว่าความเดือดร้อนนั้นเป็นของเราเช่นกัน เราต้องการได้รับความเป็นธรรมอย่างไร ไม่คิดว่าเรากับประชาชนเป็นคนละฝ่าย เราเป็นรัฐ เขาเป็นประชาชนจะทำให้คุยกันไม่จบ เพราะวันหนึ่งเราอาจจ เดือดร้อนด้วยก็ได้” นายพีระพันธุ์ กล่าว