"เคาท์ดาวน์ไล่ PM2.5" ชัชชาติระดมสมองแก้ปัญหาฝุ่นกทม. แบบเบ็ดเสร็จ

21 มิ.ย. 2565 | 07:57 น.

"ชัชชาติ" ระดมความคิดแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กทม. แบบเบ็ดเสร็จ โดยประสานความร่วมมือกับมูลนิธิส่งเสริมการออกแบบอนาคตประเทศไทย และ สสส. เสนอแนวทางแก้ไข 4 ด้านตั้งแต่ต้นตอ บรรเทา ถึงการป้องกันและแจ้งเหตุ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าววันนี้ (21 มิ.ย.) ภายหลังประชุมหารือร่วมกับ ดร.สุมิท แช่มประสิทธิ์ ประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมการออกแบบอนาคตประเทศไทย และนายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เรื่อง โครงการสานพลังเคาท์ดาวน์ PM2.5 เพิ่มสุขภาวะคนเมือง (หลวง) ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า มีรายละเอียดว่า

 

ทางมูลนิธิส่งเสริมการออกแบบอนาคตประเทศไทย โดยการสนับสนุนจาก สสส. จะจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง ฝุ่น PM 2.5 เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ซึ่ง เรื่องฝุ่น PM2.5นั้น กทม.ได้ดำเนินการหลายเรื่องหลักๆ มี 4 ด้าน ได้แก่

 

1.กำจัดต้นตอฝุ่น PM2.5 จะมีการตั้งนักสืบฝุ่น PM2.5 โดยจะร่วมกับมหาวิทยาลัยวิเคราะห์ที่มาฝุ่นของกรุงเทพฯ เพื่อมีข้อมูลระยะยาวในการแก้ปัญหา ลดผลกระทบ รวมถึงกำจัดต้นตอจากรถที่ใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้ไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้ระบบสันดาบเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้มีรถเก่าอยู่จำนวนมาก ถ้าต้องซื้อรถใหม่อาจแพง อาจนำมาดัดแปลงเป็นรถไฟฟ้าได้ โดยทางโรงเรียนฝึกอาชีพกทม.จะช่วยสอน ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นหนึ่งในการประชุมหารือด้วย รวมถึงดูต้นตอโรงงานที่ปล่อยควันพิษ ต้องมีการมอนิเตอร์ และนำข้อมูลมาเปิดเผยมากขึ้น

2.บรรเทาเหตุที่เกิด พยายามทำให้จุดที่มีฝุ่น PM2.5 ให้ลดต่ำลงให้ได้ โดยการให้ใช้รถสาธารณะ จำกัดการใช้รถยนต์ และปลูกต้นไม้โครงการ 1 ล้านต้น จะช่วยบรรเทาฝุ่นลงได้ 


3.ป้องกัน ต้องมีการแจกอุปกรณ์ป้องกัน หน้ากากกันฝุ่น และเครื่องกรองอากาศให้กับกลุ่มเปราะบาง ทำพื้นที่ปลอดภัยในโรงเรียน โรงพยาบาล และศูนย์สาธารณะสุข 


4.การคาดการณ์และแจ้งเหตุ เพิ่มเครือข่ายศูนย์แจ้งเหตุ ปัจจุบันกทม.มี 50 จุด จะร่วมกับเอกชน มหาวิทยาลัย เพิ่มอย่างน้อยเป็น 1,000 จุดทั่วกรุงเทพฯ เพื่อพยากรณ์ฝุ่นให้แม่นยำขึ้น เป็นการเตือนภัยให้ประชาชนป้องกันตัวเองได้

ผู้ว่าฯชัชชาติกล่าวย้ำว่า “ฝุ่น PM2.5 เป็นเรื่องใหญ่ สืบเนื่องจากการหาเสียงที่ประชาชนสั่งให้ทำ ผมเชื่อว่ามี 2 องค์ประกอบ ฮาร์ดพาวเวอร์ คือกฎหมายต้องเข้มข้น และซอฟพาวเวอร์ ด้วยการเปิดเผยข้อมูลฝุ่น PM2.5 ใช้มาตรการทางการตลาด มาตรการทางสังคม พลังของประชาชนจะเป็นแรงกดดัน ช่วยทำให้ลดการใช้ การปล่อย PM2.5 ลงได้

 

ทั้งนี้ ฝุ่นเป็นปัญหาที่จะมาเป็นฤดูกาล ช่วงพฤศจิกายน-มีนาคม การแก้ไขปัญหาระยะสั้น แต่มีผลกับสุขภาพในระยะยาว จึงต้องมีการวางแผนเรื่องนี้อย่างจริงจัง"