หมอธีระ อ้าง WHO เผยสายพันธุ์ย่อยใหม่ แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์หลักในปัจจุบัน

28 เม.ย. 2565 | 06:23 น.

นพ.ธีระ อ้าง องค์การอนามัยโลก เผยล่าสุด โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5, และ BA.2.12 มีสมรรถนะในการแพร่ระบาดสูงกว่าสายพันธุ์ BA.2 ที่เป็นสายพันธุ์หลักในปัจจุบัน ระบุไทยเสียชีวิตก็ติดท็อปเท็นของโลกติดต่อกันแล้ว 12 วัน

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat" สายพันธุ์ย่อยใหม่ สมรรถนะในการแพร่ระบาดสูงกว่าสายพันธุ์ BA.2 ที่เป็นสายพันธุ์หลักในปัจจุบัน ระบุว่า ทะลุ 511 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 628,399 คน ตายเพิ่ม 2,569 คน รวมแล้วติดไปรวม 511,368,633 คน เสียชีวิตรวม 6,252,898 คน


โดย  5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด คือ เยอรมัน อิตาลี เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก

 

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 78.94 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 68.78 การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 25.52 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 18.48

 

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
...สถานการณ์ระบาดของไทย

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย

 

ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก

 

ทั้งนี้จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 26.31% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย

 

หากดูจำนวนการติดเชื้อใหม่ต่อวัน รวม ATK ไทยเราจะติดอันดับ Top 10 ของโลกมาติดต่อกันยาวนานถึง 41 วันแล้ว

ส่วนจำนวนการเสียชีวิตต่อวันนั้น ติดอันดับ Top 10 ต่อเนื่องมาแล้ว12 วัน
 


...อัพเดตจากองค์การอนามัยโลก

รายงานล่าสุด WHO Weekly Epidemiological Update วันที่ 27 เมษายน 2565 Omicron ยังครองการระบาดทั่วโลก โดยตรวจพบเป็นสัดส่วน 99.7%

 


WHO ระบุว่ากำลังเฝ้าติดตามสายพันธุ์ย่อยต่างๆ ที่เกิดขึ้นของ Omicron ซึ่งข้อมูลปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5, และ BA.2.12 นั้นดูจะมีสมรรถนะในการแพร่ระบาดสูงกว่าสายพันธุ์ BA.2 ที่เป็นสายพันธุ์หลักในปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลยังมีจำกัด คาดว่า น่าจะมีความรุนแรงและลักษณะอาการต่างๆ ไม่ต่างจากเดิม หากดูสถิติการรระบาดรายสัปดาห์ พบว่าทั่วโลกมีรายงานจำนวนติดเชื้อใหม่ลดลง 21% และจำนวนการเสียชีวิตลดลง 20% ดูที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีไทยอยู่นั้น พบว่าจำนวนติดเชื้อใหม่ลดลง 6% แต่จำนวนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 41%

 

สำหรับประเทศไทยเรานั้น หากดูจำนวนติดเชื้อใหม่ โดยรวม ATK จะพบว่าเพิ่มขึ้น 7.7% ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตก็ติดท็อปเท็นของโลกมาติดต่อกันถึง 12 วัน สถานการณ์ระบาดจึงยังคงสวนกระแสโลก

 

...การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ควรทำ

โควิด...ไม่ได้จบแค่หายหรือตาย แต่จะเกิด Long COVID ซึ่งทำให้บั่นทอนคุณภาพชีวิต สมรรถนะการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน ความสัมพันธ์ และเป็นภาระค่าใช้จ่ายระยะยาวทั้งต่อผู้ป่วย ครอบครัว และสังคม

 

ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด

 

ใส่หน้ากากนะครับ สำคัญมาก