ผวา! ติดเชื้อโควิดพุ่ง 1.63 แสนรายหลังวันหยุดสงกรานต์

12 เม.ย. 2565 | 01:13 น.

ผวา! ติดเชื้อโควิดพุ่ง 1.63 แสนรายหลังวันหยุดสงกรานต์ หมอเฉลิมชัยแนะ 4 แนวทางป้องกันการแพร่ระบาดช่วงวันหยุดยาว

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

กรณีฉากทัศน์แย่สุดของสงกรานต์ปี 2565 ผู้ติดเชื้อแบบ PCR ไม่น่าเกิน 70,743 ราย ผู้ติดเชื้อรวมแบบ PCR+ATK ไม่น่าเกิน 118,743 ราย

 

ขณะนี้ใกล้เทศกาลสงกรานต์เข้ามาทุกขณะแล้ว บางคนเริ่มเดินทางไปฉลองสงกรานต์ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

แต่ส่วนใหญ่จะเริ่มฉลองสงกรานต์ในวันพรุ่งนี้คือ อังคารที่ 12 เมษายน 2565

 

หลายคนมีความตระหนักที่จะระมัดระวัง ทำให้สงกรานต์มีการติดเชื้อโควิดไม่มากนัก แต่หลายคนก็มีความประมาทจากข้อมูลหลากหลายด้วยกัน ทำให้อาจจะมีการติดเชื้อของสงกรานต์เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

ส่วนโควิดจะเป็นไปในทิศทางใด ระหว่างคนส่วนใหญ่มีความตระหนัก กับคนส่วนใหญ่ประมาท คงต้องรอดูผลกันต่อไป

ถ้าลองใช้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ซึ่งเกิดจากผลกระทบของเทศกาลสงกรานต์เมื่อปีที่แล้ว

 

2564 ซึ่งมีไวรัส Alpha เป็นสายพันธุ์หลัก นำมาพิจารณาคาดการณ์สงกรานต์ปีนี้

 

2565 ซึ่งมีไวรัส Omicron (โอมิครอน) เป็นสายพันธุ์หลัก ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจ

 

หลังวันหยุดสงกรานต์ยอดติดเชื้อโควิดรวมatk พุ่งทะลุ 1.63 แสนราย

 

แต่ต้องทราบข้อจำกัดว่า มีตัวแปรที่จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อจำนวนผู้ติดเชื้อของเทศกาลสงกรานต์ ระหว่าง 2 ปี ดังนี้

 

1) จำนวนการฉีดวัคซีน สงกรานต์ปี 2565 คนไทยฉีดวัคซีนมากกว่าสงกรานต์ปี 2564 

 

โดยตัวเลขการฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 10 เมย.2565 

 

  • ฉีดเข็มหนึ่งแล้ว 80.4% 
  • เข็มสอง 72.7% 
  • เข็มสาม 35.5% 
  • รวมฉีดวัคซีนกว่า 131 ล้านโดส

 

2) ความรู้เรื่องโควิด สงกรานต์ปี 2565 คนไทยมีความรู้ความเข้าใจในข้อมูลต่างๆเรื่องโควิด วัคซีนโควิด และยารักษาโรคเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว

 

3) ความมีวินัยในการป้องกันการติดเชื้อ สงกรานต์ปี 2565 คนไทยเริ่มมีอารมณ์เบื่อหน่ายต่อการควบคุมการป้องกันการระบาด การใช้ชีวิต การทำมาหากิน

 

4) ลักษณะของไวรัส สงกรานต์ปี 2565 ไวรัสโอมิครอนเป็นสายพันธุ์หลัก และเป็นสายพันธุ์ย่อย BA.2 ซึ่งมีความสามารถในการแพร่ระบาดมากกว่าไวรัส Alpha

 

5) วิธีการตรวจหาเชื้อ สงกรานต์ปี 2565 มีการแพร่หลายของการตรวจด้วยชุดทดสอบตนเองที่บ้าน (ATK) ทำให้สามารถพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ

ในช่วงเดือนเมษายน 2565 นี้ มีรายงานผลบวกของการตรวจ ATK มากถึงวันละ 20,286 ราย

 

ซึ่งในสมัยสงกรานต์ปีที่แล้ว จะไม่มีการรายงานผู้ติดเชื้อในส่วนนี้

 

เมื่อทราบข้อจำกัดดังกล่าวแล้ว เราก็ลองมาเริ่มวิเคราะห์เทียบเคียง เพื่อดูแนวโน้มแบบรู้เท่าทันดังนี้

 

สงกรานต์ปี 2564 มีการเฉลิมฉลองนานถึง 9 วัน เนื่องจากเป็นการคร่อมหัวท้ายเสาร์-อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่เสาร์ที่ 10 เมษายน ถึงอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564

 

เมื่อมาดูจำนวนผู้ติดเชื้อ ก็จะดูที่หนึ่งวันก่อนฉลองสงกรานต์คือ 9 เมษายน วันสุดท้ายของการฉลองสงกรานต์คือ 18 เมษายน และ 7 วันหลังฉลองสงกรานต์เสร็จสิ้นคือ 25 เมษายน
พบว่า 

 

9 เมย. 2564 ติดเชื้อ 559 ราย 

 

18 เมย. 2564 ติดเชื้อ 1764 ราย เพิ่มขึ้น 3.16 เท่า 

 

25 เมย.2564 ติดเชื้อ 2438 ราย เพิ่มขึ้น 4.36 เท่า

 

สงกรานต์ปี 2565 

 

ฉลองสงกรานต์สั้นกว่าคือจำนวน 6 วัน ตั้งแต่อังคารที่ 12 เมษายนถึงอาทิตย์ที่ 17 เมษายน

 

โดยเมื่อดูจำนวนสถิติผู้ติดเชื้อ

 

หนึ่งวันก่อนฉลองสงกรานต์คือ 11 เมษายน วันสุดท้ายของการฉลองสงกรานต์ 17 เมษายน และ 7 วันหลังฉลองสงกรานต์เสร็จสิ้นคือ 24 เมษายนพบว่า

 

วันที่ 11 เมษายน 2565 มีผู้ติดเชื้อแบบ PCR 22,387 ราย

 

หลังวันหยุดสงกรานต์ยอดติดเชื้อโควิดรวมatk พุ่งทะลุ 1.63 แสนราย

 

ถ้าใช้แนวโน้มของสงกรานต์ปี 2564 (ซึ่งมีข้อจำกัดดังกล่าวแล้ว) คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อแบบ PCR ไม่เกิน 22,387 × 3.16 = 70,743 ราย

 

วันที่ 24 เมษายน 2565 

 

ผู้ติดเชื้อแบบ PCR สูงสุดไม่น่าจะเกิน 97,607 ราย

 

แต่ถ้ารวมผู้ติดเชื้อจาก ATK ด้วย พบว่าในวันที่ 11 เมษายน มีผู้ติดเชื้อรวม 37,574 ราย

 

  • จึงคาดว่า 17 เมษายน 2565 จะติดเชื้อสูงสุดไม่เกิน 118,734 ราย
  • 24 เมษายน 2565 ติดเชื้อสูงสุดไม่เกิน 163,823 ราย

 

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะขึ้นถึงจำนวนสูงสุดดังกล่าวมีไม่มากนัก เพราะทุกคนมีความตระหนัก  และมีตัวแปรที่กล่าวมาแล้ว

 

ที่สำคัญ มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ไม่แสดงอาการจากไวรัสโอมิครอน ก็อาจจะทำให้มีผู้เข้ารับการตรวจทั้งแบบ PCR และตรวจด้วยตนเองแบบ ATK น้อยกว่า

 

จำนวนผู้ติดเชื้อจริงที่รายงาน พอสมควร

 

ในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ทุกคนจึงต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจากโควิดน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยการ

 

  • ตรวจ ATK ก่อนออกเดินทาง
  • ฉีดวัคซีนให้ครบ 3 เข็ม
  • การไม่ถอดหน้ากากนอกบ้าน หรือในกิจกรรมเสี่ยงต่างๆโดยไม่จำเป็น
  • เมื่อเดินทางกลับมาแล้ว ให้พยายามทำงานจากที่บ้านต่อไปอีก 7 วัน