เปิดประวัติ "สรพงษ์ ชาตรี" พระเอกตลอดกาลสู่ศิลปินแห่งชาติ

10 มี.ค. 2565 | 10:10 น.

เปิดประวัติ-เส้นทางชีวิต "สรพงษ์ ชาตรี" พระเอกตลอดกาลสู่ศิลปินแห่งชาติ 2551 เสียชีวิตด้วยมะเร็งปอด สิริอายุ 71 ปี  

ข่าวเศร้าของวงการบันเทิงอีกครั้งเมื่อมีรายงานล่าสุดว่า สรพงษ์ ชาตรี พระเอกขวัญใจของคนไทยยุค 80 เสียชีวิตลงอย่างสงบ หลังจากเข้ารับการรักษาตัวมะเร็งปอดที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ สิริอายุ 71ปี

 

สรพงษ์ ชาตรี ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในวงการแสดง กรีพงษ์ เทียมเศวต มีชื่อเดิมว่า พิทยา เทียมเศวต มีชื่อเล่นว่า เอก เป็นนักแสดงระดับชั้นพระกาฬ มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในช่วงปลายยุค 70 ถึงกลางยุค 80 ด้วยความสามารถและฝีมือการแสดงชั้นครู สรพงษ์ ชาตรี ยังคงทำงานในอาชีพการเเสดงมาจนถึงปัจจุบัน และได้รับเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ในปี พ.ศ. 2551

ประวัติส่วนตัว 

สรพงษ์ ชาตรี เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ที่อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายชื้น กับนางพริ้ว เทียมเศวต จบการศึกษาชั้น ป.4 แล้วบวชเรียนตั้งแต่อายุ 8 ปี ที่วัดเทพสุวรรณ พระนครศรีอยุธยา และวัดดาวดึงส์ บางยี่ขัน ธนบุรี จนกระทั่งลาสิกขาบทเมื่อ พ.ศ. 2512

 

สรพงษ์ ชาตรี มีบุตรทั้งหมด 4 คน คือ พิมพ์อัปสร (ขวัญ), พิศุทธินี (เอิง), พิศรุตม์ (เอม) และพิทธกฤต เทียมเศวต (อั้ม) ซึ่งพิมพ์อัปสร บุตรคนแรกเกิดกับทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ส่วนบุตรคนที่สองถึงสี่เกิดกับ พิมพ์จันทร์ ใจวงศ์ (แอ๊ด) ปัจจุบันสมรสกับ ดวงเดือน จิไธสงค์ รองมิสไทยแลนด์เวิลด์ พ.ศ. 2529 และรองนางสาวไทย พ.ศ. 2530 ในปี พ.ศ. 2552 สรพงษ์ ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ศิลปศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

 

 

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิง 

 

เมื่อ สรพงษ์ ชาตรี อายุได้ 19 ปี ได้พบกับ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งชักชวนให้มาอาศัยอยู่ที่วังละโว้ ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ โดยเขาเริ่มงานแสดงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2512 เป็นตัวประกอบ และเป็นเด็กยกของในกองถ่ายละคร ก่อนที่จะโด่งดังมีผลงานภาพยนตร์จากการได้บทเป็นพระเอกเต็มตัวในปี 2514 และมีผลงานติดต่อกันมากมาย ตลอดจนคว้ารางวัลอันทรงเกีรยติมาแล้วหลายเวที

 

โดยชื่อ สรพงษ์ ชาตรี ที่ใช้ในการแสดง ผู้ตั้งให้คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ และหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา โดยคำว่า "สร" มาจาก อนุสรมงคลการ, "พงศ์" มาจาก สุรพงศ์ โปร่งมณี (ผู้พามาฝากตัวกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม) และ "ชาตรี" มาจาก ชาตรีเฉลิม

 

สรพงษ์ ชาตรี มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์เรื่อง สอยดาว สาวเดือน เมื่อ พ.ศ. 2512 รับบทเป็นลูกน้องนักเลงที่มีเรื่องกับ ชนะ ศรีอุบล ที่รับบท สมิง ซึ่งเป็นพระรองของเรื่องในร้านเหล้าโดยที่ออกมาฉากเดียวและไม่มีบทพูดและถูกสมิงยิงตาย จากนั้นในภาพยนตร์เรื่องที่ 2 คือเรื่อง ต้อยติ่ง และในปีเดียวกันนั้น สรพงษ์ ยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียวในช่วงท้ายเรื่องและไม่มีบทพูดเช่นเคย และ ภาพยนตร์เรื่องที่ 3 คือเรื่อง ฟ้าคะนอง

 

แม้ว่าในปี 2513 สรพงษ์ จะยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียวแต่เริ่มมีบทพูดโดยรับบทเป็นผู้โดยสารรถสองแถวคันเดียวกับนางเอก คือ ภาวนา ชนะจิต ที่ต้องการเดินทางไป หาดฟ้าคะนอง ก่อนจะได้รับบทเป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่องที่ 4 คือ มันมากับความมืด (พ.ศ. 2514) ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม

 

จากนั้นได้รับบทในภาพยนตร์ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม แทบทุกเรื่อง ทั้งบทพระเอก พระรอง และเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในบางครั้ง มีผลงานแสดงกว่า 500 เรื่อง ได้รางวัลตุ๊กตาทองครั้งแรกจากเรื่อง ชีวิตบัดซบ และ สัตว์มนุษย์ สองปีติดต่อกัน และมีชื่อเสียงในต่างประเทศจากเรื่อง แผลเก่า (พ.ศ. 2520) กำกับโดยเชิด ทรงศรี นับว่าประสบความสำเร็จสูงสุด

 

สรพงษ์ ได้รับรางวัลทางการแสดงจากหลายสถาบัน เช่น รางวัลตุ๊กตาทองพระสุรัสวดี ดารานำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง สัตว์มนุษย์ ชีวิตบัดซบ มือปืน มือปืน 2 สาละวิน เสียดาย 2 รางวัลสุพรรณหงส์ ดารานำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ถ้าเธอยังมีรัก มือปืน และนักแสดงประกอบชายจากเรื่อง องค์บาก 2 ส่วนรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง นักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง มือปืน 2 สาละวิน

 

นอกจากนี้ สรพงษ์ ชาตรี ยังเคยดำรงตำแหน่ง ประธานมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (จากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย) สาขาศิลปะการแสดงในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย รวมไปถึง ได้รับเลือกเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงในปี พ.ศ. 2551