ข่าวโควิดวันนี้ ผู้เสียชีวิตแนวโน้มสูงขึ้น เร่งฉีดวัคซีนโควิดกลุ่มเสี่ยง

10 มี.ค. 2565 | 07:48 น.

ข่าวโควิดวันนี้ ผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าเส้นคาดการณ์ เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 กลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ลดอัตราการเสียชีวิต

ข่าวโควิดวันนี้ 10 มีนาคม 2565 แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวช่วงหนึ่งถึงผู้ติดเชื้อรายใหม่ว่า ผู้เสียชีวิต 74 ราย ปัจจัยเสี่ยง 95% เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และเป็นผู้ที่มีโรคเรื้อรัง

 

แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์

 

วันนี้มีผู้ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปมี 41 ราย อายุ 60-69 ปี 8 ราย อายุ 50-29 ปี 6 ราย จะเห็นได้ว่า ผู้เสียชีวิตยิ่งสูงอายุ ยิ่งมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากขึ้นถ้าติดโควิด

ข่าวโควิดวันนี้ ผู้เสียชีวิตแนวโน้มสูงขึ้น เร่งฉีดวัคซีนโควิดกลุ่มเสี่ยง

 

เรื่องที่สำคัญมากในการที่จะลดอัตราการเสียชีวิตได้ คือ การได้รับวัคซีน พิจารณาข้อมูลจากผู้เสียชีวิตวันนี้ 74 ราย พบว่า กลุ่ม 608 ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคเรื้อรัง และกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 608 ไม่สูงอายุและไม่มีโรคเรื้อรัง จากตารางจะเห็นว่า ประวัติการได้รับวัคซีนโควิด-19 ของผู้เสียชีวิต มีถึง 48% ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว  6% ได้เพียง 1 เข็ม ได้รับ 2 เข็มแต่ไม่ได้รับเข็มกระตุ้น 35% อีก 9% ได้รับ 2 เข็มแต่ระยะเวลาน้อยกว่า 3 เดือน มีแค่ 1% ได้รับ 3 เข็ม
 

ข่าวโควิดวันนี้ ผู้เสียชีวิตแนวโน้มสูงขึ้น เร่งฉีดวัคซีนโควิดกลุ่มเสี่ยง

 

คาดการณ์การผู้เสียชีวิตของประเทศในขณะนี้ จากกราฟจะเห็นว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นเส้นสีเลือดหมู ขณะนี้ทิศทางแนวโน้มยังสูงขึ้นเรื่อยๆ จากเส้นคาดการณ์ทั้ง 3 เส้น เส้นคาดการณ์ที่แย่ที่สุด คือ เส้นที่สีแดงที่อยู่บนสุด ตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่บนกว่าเส้นสีแดงอีก เป็นการเตือนให้เราระมัดระวังว่า ทิศทางแนวโน้มที่สูงขึ้นจะต้องมีการจัดการ สิ่งที่เห็นผลที่สุด คือ การนำผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตไปรับวัคซีน ไม่ว่าจะเข็มที่ 1  เข็มที่ 2 หรือเข็มที่ 3

 

แพทย์หญิงสุมนี กล่าว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ โดยก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณหลักร้อย แต่ขณะนี้ขึ้นมาเป็นหลักพัน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจะเห็นว่า มีทิศทางแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยวันเดียวกันนี้มียอดผู้เสียชีวิตสูงสุด และทิศทางตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ย 2 สัปดาห์ จาก RT-PCR หรือ ATK พบว่า รวมกันยังมีจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แบบทรงๆ ไม่ได้เพิ่มสูงมาก
          

ทั้งนี้ ในที่ประชุมศบค.เช้านี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้พูดคุยเรื่องการเร่งรัดการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงในการเสียชีวิตหากติดโควิด-19 โดยตั้งเป้าการฉีดวัคซีนให้กลุ่ม 608 ก่อนเทศกาลสงกรานต์ครอบคลุมอย่างน้อย 70% จึงกำหนดสัปดาห์การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในวันที่ 21-31 มีนาคม 2565
          

พร้อมขอความร่วมมือประชาชน กรรมการโรคติดต่อจังหวัดทำแผนเชิงรุก สำรวจผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วให้เคร่งครัดมาตรการ Universal Prevention ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
          

แพทย์หญิงสุมนี กล่าวย้ำว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มจะลดอัตราการเสียชีวิตได้ 6 เท่าของผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และถ้าฉีด 3 เข็มเป็นเข็มกระตุ้น จะลดการเสียชีวิต 7 เท่าของผู้ที่ไม่ได้รับการฉีด ดังนั้นการฉีดวัคซีนจะช่วยลดการเสียชีวิตได้อย่างมาก
         

แพทย์หญิงสุมนี ยังได้กล่าวถึงผลประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบมาตรการรองรับการเปลี่ยนผ่านโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น และมีการหารือถึงการแบ่งระยะเวลาการดำเนินการที่จะเป็นโรคประจำถิ่นทั้ง 4 ระยะ ประกอบด้วย
          

1. ระยะขาขึ้น คือ การที่มีจำนวนของผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นโดยจะต้องมีการควบคุม เพื่อลดการระบาดให้ได้มากที่สุด
          

2. ระยะคงที่ คือ ระยะที่ผู้ติดเชื้อมีจำนวนคงที่ และไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นไปกว่าเดิม
          

3. ระยะที่มีการลดลงของผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง
          

4. ระยะที่ออกจากการเป็นโรคระบาดเข้าสู่ระยะการเป็นโรคประจำถิ่น
         

แพทย์หญิงสุมนี กล่าวว่า การเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นจะต้องพิจารณาจากปัจจัยในหลายด้าน เช่น จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบหรือผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ความครอบคลุมในการได้วัคซีน อัตราการเสียชีวิต เป็นต้น และการจัดแผนรองรับในด้านต่างๆจะต้องมีความพร้อม ซึ่งในการดำเนินการของคณะกรรมการฯ ได้มีการจัดการเรื่องการทำแผนการเฝ้าระวังป้องกันโรค การสอบสวนโรค และทำแผนการดูแลรักษา รวมทั้งมาตรการต่างๆด้านกฎหมายที่จะต้องรองรับทั้ง 4 ระยะ ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

 

ทั้งนี้คณะกรรมการฯจะต้องมีการพิจารณาเป็นระยะ เพื่อความครอบคลุมในการดำเนินงานในทุกๆด้าน