Business simulation ปั้น ‘คน’ แบบ short cut

13 พ.ค. 2559 | 12:00 น.
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี สิ่งหนึ่งที่ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด คือเรื่องของทรัพยากรบุคคล ซึ่งนอกจากจะต้องมีทักษะด้านการคิด วิเคราะห์ ภาษา และความสามารถเฉพาะทางแล้ว ประสบการณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย เมื่อเกิดการลงทุน ความต้องการบุคลากรที่เพิ่มสูงขึ้น สิ่งที่ตามมา คือภาวะขาดแคลน การเร่งพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมเพื่อรองรับการแข่งขันได้จึงได้มืออาชีพมาช่วย

เทรนนิ่งโมเดลใหม่

โดยพบว่าการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรในรูปแบบเดิมๆ เป็นการเน้นสร้างความเข้าใจขั้นพื้นฐาน แนวคิด และการทำงานตามหลักทฤษฎีซะส่วนใหญ่ จึงยังมีข้อจำกัดอยู่หลายประการ โดยเฉพาะเมื่อเกิดสถานการณ์จริง ทำให้การตัดสินใจต้องมีการพิจารณารอบด้าน จึงไม่สามารถกระทำได้อย่างเต็มที่ และอาจสร้างผลเสียให้เกิดขึ้นกับองค์กร การนำเครื่องมือต่างๆ มาใช้ประกอบในการพัฒนาบุคคลากร และการช่วยในการคิด วิเคราะห์ จึงมีความจำเป็น

นายสืบสาย ดาราธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นพีโอ คอนซัลติ้ง จำกัด ตัวแทนอย่างเป็นทางการของบริษัท CELEMI ประเทศสวีเดน ผู้คิดค้นนวัตกรรมการเรียนรู้ด้วยบอร์ดเกมจำลองสถานการณ์ธุรกิจรายแรกของโลกได้นำ Business simulationในลักษณะของ Board Game มาใช้ในการอบรมความรู้และความเฉียบคมทางธุรกิจ (Business acumen) ขึ้นในเมืองไทย โดยเฉพาะการให้บริการกับองค์กรขนาดใหญ่

"บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจนี้และใช้ Business simulation เมื่อ 15 ปีก่อน แต่อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะเป็นการใช้เฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นนิช มาร์เก็ตมากๆ โดยมีลูกค้าที่เข้ารับการอบรมผ่านเครื่องมือนี้ มีทั้งเครือเอสซีจี, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น"

บอร์ด เกมสัมผัสได้ เรียนรู้จริง

เครื่องมือหลักที่ใช้ในการเรียนรู้คือ Complex business simulation กลยุทธ์ธุรกิจซึ่งมีโมเดลธุรกิจแตกต่างกัน 3 รูปแบบ ได้แก่ ธุรกิจการผลิต, ธุรกิจการบริการ และธุรกิจที่มีการแข่งขันรุนแรง เช่น ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจโทรคมนาคม เป็นต้น นอกจากนี้จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเรียนรู้เรื่องการเงิน กลยุทธ์การตลาดพื้นฐานการบริหารโครงการ และการบริหารบุคลากร เป็นต้น ซึ่งระยะเวลาการฝึกอบรมนั้น ขึ้นอยู่วัตถุประสงค์ขององค์กรและรูปแบบเครื่องมือที่เลือกใช้ เช่นรูปแบบพื้นฐานเกี่ยวกับการทำธุรกิจสามารถเรียนรู้ได้ใน 1 วัน ส่วนรูปแบบที่มีความเข้มข้นมีการแข่งขันและมีความท้าทายจะใช้เวลา 2-3 วันส่วนรูปแบบการอบรม จะมีทั้งการจัดอบรมพัฒนาผู้บริหารระดับกลางที่มีประสบการณ์ทำงาน 7-8 ปี, พนักงานที่มีประสบการณ์ทำงาน 2-3 ปี เพื่อพัฒนาในแง่ความเข้าใจในธุรกิจช่วยเปิดมุมมองให้เห็นภาพรวมของธุรกิจนอกเหนือจากส่วนของงานในหน้าที่รับผิดชอบ

การจำลองสถานการณ์ทางธุรกิจ หรือ Business Simulation ไม่ใช่เรื่องใหม่ในเมืองไทย ที่ผ่านมามีการใช้ในหลักสูตรบริหารธุรกิจระดับปริญญาโท (MBA) และมีบางบริษัทก็นำไปใช้ ในการอบรมผู้บริหาร แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ ใช้วิธีป้อนข้อมูลเข้าไป จากนั้นคอมพิวเตอร์จะคำนวณผลลัพธ์ที่ได้ออกมา ซึ่งต่างกับการจำลองสถานการณ์ทางธุรกิจ ในรูปแบบเกมกระดาน (Board game) ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสจริง มีการพูดคุยแลกเปลี่ยน และทำงานร่วมกัน เหมือนกับการนั่งทำงานจริงในองค์กร

"หากเป็นการเทรนนิ่งหรืออบรมพนักงานในรูปแบบเดิมๆ จะเน้นการให้ความรู้ด้านทฤษฎี ขั้นตอนกระบวนการต่างๆ แต่สำหรับการใช้บิสิเนส ซิมูเลเตอร์ จะช่วยให้ได้ทั้งความรู้ ประสบการณ์ตรงที่ได้จากการลงมือทำเอง เล่นเอง และตัดสินใจเอง ซึ่งหากตัดสินใจผิดก็จะรู้ถึงปัญหา และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ดังนั้นหากในอนาคตเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง ก็จะสามารถคาดเดาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้สามารถวางแผนรองรับ หรือเตรียมแผนแก้ปัญหาไว้ล่วงหน้าแล้ว"

เตรียมพร้อมคนรับมืองานหนัก

นายสายสืบ กล่าวอีกว่า การอบรมในลักษณะนี้ ทำให้ผู้เข้าอบรมมีประสบการณ์ร่วม ทำให้เห็นและเข้าใจง่ายขึ้น ถือเป็นการเรียนลัด แทนที่จะต้องรอให้เกิดเหตุการณ์จริง ที่อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า หรืออีก 5 ปีข้างหน้าได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นองค์กรอาจจะต้องประสบปัญหาหรือเกิดความเสียหายในระดับสูงตามมา อย่างไรก็ดี ปัจจุบันที่ธุรกิจมีการแข่งขันสูงขึ้น ทำให้องค์กรไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ต่างมีโอกาสในการขยายการลงทุนหรือมีการขยายงานมากขึ้น สิ่งที่จำเป็นคือต้องเร่งพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะ และพร้อมรองรับการขยายงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับแผนการการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ บริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ จากเดิมที่มี 3 กลุ่มธุรกิจ คือธุรกิจให้บริการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร, ธุรกิจที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และธุรกิจจัดหาเครื่องมือประเมินบุคลากร โดยจะแยกธุรกิจจัดหาเครื่องมือประเมินบุคลากรออกไปจัดเป็นบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท โทมัส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือประเมินบุคลากรและให้บริการคำปรึกษาแก่องค์กร ซึ่งเป็นโนฮาวมาจากประเทศอังกฤษ ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีผลประกอบการเติบโตขึ้นและมีรายได้ราว 100 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,156 วันที่ 12 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559