ปลัดสธ.ออกหนังสือด่วนที่สุด ถึงร.พ.ทั่วประเทศ ชู 4 มาตรการ รับมือโควิดพุ่ง

22 ก.พ. 2565 | 00:11 น.

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข( สธ.)ออกหนังสือ ‘ด่วนที่สุด’ ถึงโรงพยาบาลทั่วประเทศ กำชับ4มาตรการเตรียมการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อรับมือโควิดพุ่ง หลังประกาศยกระดับเตือนภัยโควิดเป็นระดับ4

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ที่สธ.(ศปค.) 0248/44 เรื่อง การเตรียมการสำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด , ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ ,โรงพยาบาลทั่วไป โดยระบุว่า

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดทั่วโลกที่มีการระบาดอย่างรวดเร็ว สำหรับในประเทศไทย พบว่า ขณะนี้ตรวจพบการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพื่อให้การดูแลผู้ติดเชื้อโควิดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคโควิด ขอให้ดำเนินการ ดังนี้ 

 

1.เตรียมความพร้อมด้านทรัพยากร เตียง บุคลากรทางการแพทย์ และระบบการดูแลรักษาแบบ  Home Isolation (HI) หรือ Community Isolation (CI)  รวมทั้งการรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (Admit) ในกรณีที่มีอาการมากและรุนแรง 

2. ประชาสัมพันธ์หมายเลขโทรศัพท์ของจังหวัด และโรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจที่จะเข้าถึงระบบบริการ เมื่อติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 

 

3. เร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิด19 เข็มกระตุ้น หรือบูสเตอร์โดส ในประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ตลอดจนลดความรุนแรงจากการติดโควิด

 

4.สื่อสารให้ประชาชนป้องกันตนเองและครอบครัวด้วยมาตรการ Universal Prevention และ VUCA  และสร้างการรับรู้การดูแลรักษาผู้ป่วยจากการติดโควิด เพื่อให้สามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้

 

ปลัดสธ.ออกหนังสือด่วนที่สุด ถึงร.พ.ทั่วประเทศ ชู 4 มาตรการ รับมือโควิดพุ่ง

 

อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่ยังคงสูงขึ้นทำให้กระทรวงสาธารณสุขมีความจำเป็นจะต้องยกระดับเตือนภัยโควิด จากระดับ 3 เป็นระดับ 4 โดยมีมาตรการดังนี้

 

  • งดเข้าสถานที่เสี่ยง

 

  • งดทานอาหารร่วมกัน ดื่มสุราในร้าน

 

  • เลี่ยงไปซื้อของที่มีคนจำนวนมาก เช่น ตลาด ห้าง

 

  • เลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่นนอกบ้าน

 

  • งดร่วมกิจกรรม กลุ่มตามเกณฑ์ต่างๆ

 

  • มาตรการทำงานที่บ้านให้ได้ร้อยละ 50-80

 

  • ชะลอการเดินทางข้ามจังหวัดหากจำเป็นใช้รถยนต์ส่วนตัว

 

  • เลี่ยงไปต่างประเทศ

 

  • หากเข้าประเทศต้องปรับตัวในสถานที่กักกัน