อัพเดท “โอมิครอน” สายพันธุ์โควิดที่น่ากังวลอยู่ในขณะนี้ ล่าสุด ยอดโควิดวันนี้ พุ่งขึ้น ติดเชื้อเพิ่ม 16,462 ราย เสียชีวิต 27 คน หายป่วย 10,868 ราย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า ข้อมูลเกี่ยวกับ สัดส่วนสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน ระหว่างวันที่ 5 - 11 ก.พ. 65 รวมทั้งหมด 1,975 ราย ไม่ได้แยก BA.1 และ BA.2 คือ 1,408 ราย
หากแยกเป็น BA.1 จะมี 462 ราย และ BA.2 จำนวน 105 ราย จากการแยกสายพันธุ์ 567 ราย พบว่า เป็น BA.1 มากที่สุด 81.5% และ BA.2 18.5% ส่วนการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวมีจำนวนตัวอย่างทั้งหมด 534 ตัวอย่าง แต่คนละช่วงเวลาเก็บข้อมูล โดยพบว่า BA.2 อยู่ที่ประมาณ 2% ที่เหลือเป็น BA.1.1 เท่ากับ 70% และ BA.1 จำนวน 28%
เดิมกำหนดไว้ B.1.1.529 ออกมาเป็น BA.1 เป็นสายพันธุ์หลัก ขณะนี้มีข้อมูลประมาณ 6 แสนเศษๆ ส่วน BA.2 ประมาณ 5 หมื่นกว่าราย ยังไม่ถึง 10% ประมาณ 8-9%
ส่วนประเทศไทยพบครั้งแรกในกลุ่มผู้เดินทางเข้าไทยช่วงต้นปี 2565 ขณะนี้พบกว่า 5 หมื่นราย 57 ประเทศ และประเทศที่เริ่มเห็นแนวโน้มว่า BA.2 จะแทน BA.1 มีอินเดีย เดนมาร์ก สวีเดน โดยเดนมาร์กพบมากกว่า BA.1 แล้ว แต่สำหรับประเทศไทยขณะนี้ยังพบ BA.1 มากกว่า ยกเว้นว่าในอนาคตหากแพร่เร็วก็อาจเป็นเบียด BA.1
สายพันธุ์ย่อยใหม่จะแพร่เร็วขึ้นหรือไม่ หลบวัคซีนหรือไม่
“คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศเป็นโอมิครอนเกือบ 100% ส่วนไทยก็ใกล้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ประมาณกว่า 96% ขณะที่สายพันธุ์ย่อย BA.2 จากถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวประมาณ 2% แต่ตรวจสอบเบื้องต้น (SNP) ในพื้นที่เจอประมาณ 18% ซึ่งจะมีการตรวจให้กว้างขวางครอบคลุมมากขึ้น โดย BA.2 มีหลักฐานพอสมควรว่าแพร่เร็วกว่า BA.1 แต่ความรุนแรง ยังไม่มีข้อมูลมากพอ เมื่อมีจำนวน BA.2 พอสมควรจะมีการติดตามข้อมูล และจะส่งให้กรมการแพทย์ ติดตามคนไข้ว่า อาการรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และมีรายงานหลายชิ้นระบุว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยป้องกันสายพันธุ์ทั้ง BA.1 และ BA.2 ช่วยลดอาการป่วยหนักและเสียชีวิตได้"
สถิติล่าสุด โอมิครอน vs เดลตา
จังหวัดที่พบโอไมครอนมากที่สุด