หลุยส์ติอาซเสริมทัพหงส์แดง รู้จักประวัติ ผลงานแข้งป้ายแดงลิเวอร์พูล

"หลุยส์ ดิอาซ" คือนักเตะรายใหมที่พลพรรคเครื่องจักรสีแดง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จัดการสอยมาร่วมทีมก่อนปิดตลาดซื้อขายล่าสุด ในราคา 50 ล้านปอนด์จากสโมสร ปอร์โต้ 

 

ทั้งนี้ หลุยส์ ดิอสซ เป็นใครมาจากไหน เชื่อว่าคงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย และอยากค้นหาทำความรู้จัก "ฐานเศรษฐกิจ" จึงได้รวบรวมข้อมูลของแข้งป้ายแดงรายนี้มาให้ได้รับรู้กัน

 

• หลุยส์ ดิอาซ มีชื่อเต็มว่า หลุยส์ เฟอร์นานโด ดิอาซ มูรูลันด้า 
• เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม 1997 ที่บาร์รานกาส ประเทศโคลอมเบีย 
• ปัจจุบันมีอายุ 25 ปี
• ส่วนสูง 178 เซนติเมตร
• ตำแหน่ง  ปีก

ดิอาซ เกิดในครอบครัวชนเผ่าวาชู ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศโคลอมเบีย โดยว่ากันว่าต้นกำเนิดของชนเผ่านี้นั้นคือเหล่าคนที่อพยพออกมาจากป่าอะเมซอนที่มีสภาพอากาศอันโหดร้ายเพื่อมาหาที่อยู่ใหม่ และพวกเขาต้องต่อสู้กับทั้งชาวสเปน ,รัฐบาล รวมถึงธรรมชาติ เพื่อที่จะทำให้วัฒนธรรมของพวกเขายังอยู่รอดต่อไปได้

 

ดิอาซ ชื่นชอบ จนถึงขั้นที่เรียกว่าหลงใหลเกมลูกหนังมาตั้งแต่เด็ก และพยายามฝึกฝีเท้าอย่างหนัก โดยเมื่อถึงวัย 17 ปี โอกาสก็มาหา ดิอาซ แบบที่คาดไม่ถึง เนื่องจากมีการจัดทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลในย่านพื้นเมือง เผื่อว่าจะมีการเจอเพชรเม็ดงาม

 

ซึ่ง ดิอาซ ตัดสินใจเข้าร่วมรายการดังกล่าว และฝ่ายจัดการแข่งขันก็ได้พบกับเพชรที่มองหาอยู่ เนื่องจากตอนนั้น ดิอาซ โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกว่าหลายคน ทั้งที่มีร่างกายผอมสุดๆ

 

อย่างไรก็ดี จากการแข่งขันฟุตบอลรายการดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นความโชคดีของ ดิอาซ เพราะหนึ่งในผู้ที่เข้ามาร่วมชมการแข่งขันด้วยก็คือ  การ์ลอส บัลเดร์ราม่า ตำนานดาวเตะของ โคลอมเบีย ซึ่งออกปากชื่นชมฝีเท้าของดิอาซมากเป็นพิเศษ  

โดยในเวลานั้น ดิอาซ ได้รับฉายาว่า ลูโช่ (Lucho) ซึ่งเป็นภาษาสเปนที่แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า สู้  เพื่อสื่อถึงการที่เจ้าตัวพร้อมท้าชนกับทุกคนแม้ว่าร่างกายจะเสียเปรียบ 

 

หลังจากนั้น ในเวลาต่อมาจากฟอร์มอันโดดเด่นทำให้ ดิอาซ ในวัย 18 ปี มีชื่อติดโผเป็น 1 ใน 22 ขุนพลของโคลอมเบียเข้าร่วมลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์ชนเผ่าแห่งอเมริกาใต้ “Copa Americana de Pueblos Indígenas” เมื่อปี 2015 ที่ประเทศชิลิ และได้สวมปลอกแขนกัปตัน โดยสามารถพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะไปพ่ายให้กับปารากวัย 0-1

 

จากนั้นจึงถูกดึงตัวเข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสร บาร์รานกีญ่า ทีมในลีกรองของโคลอมเบีย และที่นั่นทำให้ ดิอาซ ได้พัฒนาตัวเองในทุกด้าน ทั้งทักษะเชิงฟุตบอล

 

และที่สำคัญคือเรื่องสภาพร่างกาย โดยขณะนั้น ดิอาซ มีรูปร่างผอมแห้ง เนื่องจากภาวะขาดสารอาหาร ซึ่งเป็นโรคประจำถิ่นของบรรดากลุ่มชนพื้นเมือง 

 

โจทย์ใหญ่ของ บาร์รานกีญ่า และเป็นสิ่งที่สำคัญก็คือการเพิ่มน้ำหนักตัวของ ดิอาซ ให้ได้ 10 กิโลกกรัม เพื่อสร้างคงวามแข็งแกร่ง และร่างกายในารปะทะกับคู่แข่ง

 

โดยเมื่อผสมผสานกับฝีเท้าที่จัดจ้านอยู่แล้วของเจ้าตัว ทำให้ ดิอาซ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมจนถูกดึงตัวไปยังสโมสรที่ใหญ่ขึ้น นั่นคือ แอตเลติโก จูเนียร์ สโมสรในลีกสูงสุดของโคลอมเบีย ในปี 2017

 

ซึ่ง ดิอาซ ยังคงโชว์ฟอร์มร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง จนฝีเท้าไปเข้าตา แมวมอง และกลายเป็นเป้าหมายของหลายสโมสรดังในยุโรป

 

และในที่สุด ดิอาซ ก็ได้ย้ายสโมสรมาร่วมทัพกับสโมสรปอร์โต ยักษ์ใหญ่แห่งลีกโปรตุเกส ซึ่งทุ่มเงิน 7 ล้านยูโรซื้อตัวมาร่วมทีม เมื่อเดือนกกรกฏาคม 2019 โดย ดิอาซ ไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวอะไรมากมาย และสามารถงัดฟอร์มเก่งและกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลปอร์โต้ได้อย่างรวดเร็ว 

 

ฤดูกาลแรกกับปอร์โต้ 2019-20 ดิอาซได้ลงเล่นถึง 50 นัด ยิงไป 14 ประตูในทุกรายการ อีกทั้งยังช่วยให้ ปอร์โต้ คว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสมาครอง

 

จากนั้นซีซั่นต่อมา ดิอาซ จัดการทะลวงตาข่ายไป 11 ประตูจาก 47 นัด

 

จนมาถึงฤดูกาลล่าสุด ดิอาซ ก็ยังอยู่ในฟอร์มที่พีกสุดๆ หลังจากซัดไปแล้วถึง 16 ประตู จาก 28 นัด 

 

สำหรับจุดเด่นของ ดิอาซ ก็คือการเป็นปีกที่มีความคล่องตัวสูง สามารถเล่นได้ดีทั้งสองเท้า รวมถึงยังพาบอลทะลุทะลวงและจบสกอร์ได้ด้วยตนเอง 

 

อย่างไรก็ตาม จากฝีเท้าที่ฉกาจฉกรรจ์ของ ดิอาซ ทำให้เจ้าตัวตกเป็นเป้าหมายของยักษ์ใหญ่หลายสโมสรทั่วยุโรป และสุดท้ายก็เป็นพลพรรคหงส์แดง  ยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ  ที่จัดการกระชากตัวดิอาซไปลากเลื้อยโชว์ฝีเท้าในถิ่นแอนฟิลด์ได้สำเร็จ

 

ส่วนผลงานในระดับทีมชาตินั้น ดิอาซ เริ่มจากการติดทีมชาติชุดยู-20 ก่อนจะมีชื่อติดทีมชาติโคลอมเบียชุดใหญ่ และได้ลงประเดิมสนามนัดแรก ในเกมอุ่นเครื่องที่เสมอกับ อาร์เจนตินา 0-0 เมื่อเดือนส.ค. 2018 

 

หลังจากนั้น ดิอาซ มีชื่อติดอยู่ในทำเนียบทีมชาติ และได้ลงสนามรับใช้ชาติมาโดยตลอด กระทั่งมาพีกสุดในศึกโคปา อเมริกา 2021 ซึ่ง ดิอาซ พาโคลอมเบียเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนพ่ายจุดโทษ อาร์เจนตินา ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย และมาเฉือนชนะ เปรู 3-2 ในเกมนัดชิงอันดับ 3 

 

แต่ถึงอย่างนั้น หลุยซ์ ดิอาซ ก็ยังได้ครองตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ หลังจากซัดไป 4 ประตูเท่ากัน และ ดิอาซ ยังติดโผทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ด้วย