หวั่นงานก่อสร้างล้นมือ แนะรัฐเร่งประกวดราคา-โยกประมูลข้ามปี
นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างชี้รัฐเร่งประกวดราคาโครงการเมกะโปรเจ็กต์ และบางส่วนอาจโยกประมูลข้ามปี ดันปริมาณงานเพิ่มขึ้นกะทันหัน จับตาอาจเกิดเหตุการณ์ดึงแรงงานหน้าไซต์งาน แนะสมาชิกรับงานอย่าเกินกำลัง ซับคอนแทร็กต้องรอบคอบหวั่นปัญหาทิ้งงาน
นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทิศทางอุตสาหกรรมก่อสร้างในครึ่งหลังปี 2559 ว่า ปัจจุบันภาครัฐเร่งประกวดราคาโครงการโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม โดยช่วงปลายปี 2559 คาดว่าสามารถเปิดประกวดราคาได้อีกบางส่วน และโยกประมูลข้ามปีไปอีกบางส่วน จึงต้องจับตากันว่าในที่สุดเมื่อโครงการออกมาจำนวนมากแล้วจะได้ตัวผู้รับเหมาครบทุกสัญญาหรือไม่ จะมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินงานเกิดขึ้นหรือไม่ และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้หรือไม่
"หลายโครงการเป็นการเริ่มประมูล อาทิ มอเตอร์เวย์ที่ทยอยเซ็นสัญญาไปเรื่อยๆ ครึ่งหนึ่งเป็นงานโครงสร้าง โดยเฉพาะถนนจะเน้นงานดินถม ลาดยาง ซึ่งแต่ละชั้นผู้รับเหมาจะมีการแบ่งรับงานตามความชำนาญแตกต่างกันไป แต่น่าจับตาหากงานมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า และงานถนนของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ออกมาจำนวนมากจะเกิดผลกระทบหรือไม่ โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลัง ปี 2559 และงานในปี 2560 ที่เป็นงานโครงสร้างต้องใช้เครื่องจักรเข้าไปดำเนินการ อีกทั้งงานโครงสร้างที่ต้องมีงานดินถม บดอัดและวางท่อซึ่งใช้แรงงานคนมากกว่า ใช้ระยะเวลานานกว่า ประการสำคัญหากปริมาณงานเกิดขึ้นมากอย่างกะทันหัน เชื่อว่าปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแน่ๆ จึงต้องหาทางป้องกันไว้ก่อนโดยได้แจ้งไปยังสมาชิกของสมาคมแล้ว ต้องจับตาว่าฝ่ายรัฐบาลจะตระหนักหรือไม่หากงานไม่ทันแล้วจะเกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง"
แนะรับงานให้สอดคล้องกับศักยภาพ
หากรัฐบาลเร่งผลักดันเมกะโปรเจ็กต์ระดับราคาหมื่นล้านบาทไปทำถนนในต่างจังหวัดที่มูลค่างานถูกกว่ากันมากก็จะได้งานจำนวนมาก หากเปรียบเทียบปริมาณงานรายใหญ่ รายกลาง หรือรายย่อยก็จะพอเห็นได้ว่าเท่าที่สังเกตจากในอดีตรายใหญ่จะรับงานรถไฟ-รถไฟฟ้าในเมืองที่มูลค่างานแพงระดับหมื่นล้านบาทจะพบว่า งานโครงสร้างราคาจะแพงมาก ระยะทาง 10-15 กิโลเมตรมูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท หากนำงบจำนวนดังกล่าวไปสร้างถนนก็จะได้ระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร โดยเฉพาะถนนขนาด 4 เลนมูลค่าหลักพันล้านบาทได้ระยะทางถนนไม่น้อยกว่า 30 กิโลเมตร
"งานถนนจะมีการใช้ดินถม ทรายถมจำนวนมาก งานดิน 1 คิวประมาณ 300 บาท หากเป็นโครงสร้างคอนกรีต 1 คิวมูลค่าหลักหมื่นบาท หากมีงานจำนวนมากและแต่ละบริษัทรับงานอยู่ในมือกันเต็มพิกัดแล้วจึงยากที่จะไปรับงานรายอื่นเพิ่มเติมเกินกำลังหรือศักยภาพที่จะทำได้ ดังนั้นแต่ละรายจึงควรรับงานไม่ให้เกินศักยภาพ ดังนั้นการกระจายงานในระดับที่พอให้ผู้รับเหมารายกลาง และรายย่อยรับดำเนินการได้ก็จะเกิดประโยชน์ตามมาอย่างมากมาย"
ปัจจุบันในการปฏิบัติสมาคมและสมาชิกได้เฉลี่ยการรับงานแต่ละระดับไว้ชัดเจนแล้ว อาทิ กรมทางหลวง (ทล.) ได้จัดงานให้กับผู้รับเหมาชั้นพิเศษที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 50-60 ราย ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานขนาดใหญ่รายละไม่เกิน 4 งาน ดังนั้นหากเป็นโครงการมอเตอร์เวย์อีก 2 เส้นทางบริษัทรับเหมาชั้นพิเศษจึงยังสามารถรับงานได้อีกบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากมีการแบ่งซอยสัญญาเป็นมูลค่าระดับเฉลี่ยพันล้านบาทไว้แล้ว ดังนั้นผู้รับเหมาชั้นพิเศษ 1 รายจึงรับงานได้ประมาณ 2-3 สัญญา โดยงานหนึ่งสัญญามีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 2 ปี ดังนั้นหากจะเรียกผู้รับเหมารายกลางรายย่อยไปทำงานแบบซับคอนแทร็กก็จะต้องศึกษาให้รอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบต่อการปฏิบัติทั้ง 2 ฝ่ายนั่นเอง
"มอเตอร์เวย์ 2 เส้นทางรวมแล้วประมาณ 50 สัญญา ผู้รับเหมาชั้นพิเศษจึงกระจายกันรับงานอย่างทั่วถึงซึ่งรัฐบาลควรทยอยป้อนงานออกมาให้สอดคล้องกับระยะเวลาการปฏิบัติงานของผู้รับเหมาเนื่องจาก 1 รายจะใช้ระยะเวลาปฏิบัติประมาณ 2 ปีโดยยังไม่รวมงานตามงบประมาณประจำปีและงานของกรมทางหลวงชนบท ดังนั้นงานระดับผู้รับเหมาชั้นพิเศษจึงค่อนข้างจะรับงานเต็มพิกัดบ้างแล้วในปัจจุบัน"
วอนรัฐปรับค่า Kเพิ่ม
ดังนั้นภาพรวมงานรับเหมาระดับชั้นพิเศษในปีนี้จึงค่อนข้างเต็มพิกัด หากงานรถไฟทางคู่มาเพิ่มอีกระดับแสนล้านบาทที่มีงานดินถมจำนวนมากก็อาจจะส่งผลกระทบได้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะใช้ระบบซับคอนแทร็กให้รายย่อยไปดำเนินการ หน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงควรมีข้อมูลปริมาณงานและการรับงานของผู้รับเหมาแต่ละรายเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นข้อมูลพิจารณาการรับเหมางานไปดำเนินการ ทั้งงานช่วงครึ่งปีหลัง 2559 และงานในปี 2560 เนื่องจากหวั่นกระทบต่อระยะเวลาการปฏิบัติงาน ประกอบกับเชื่อว่ารายใหญ่จะแบ่งงานรูปแบบซับคอนแทร็กรายย่อยให้ได้รับงานกันหลายราย ใช้การบริหารจัดการหลากหลายวิธี ประการสำคัญการลงทุนเครื่องจักรต้องใช้เงินลงทุนมากและยังต้องมีบุคลากรเข้าไปทำหน้าที่ควบคุมเครื่องจักรตลอดจนโฟร์แมนควบคุมงานอีกด้วย และยังไม่มั่นใจได้ว่าหากผ่านพ้น 2 ปีไปแล้วยังจะมีงานใหม่เข้ามาต่อเนื่องอีกหรือไม่ ดังนั้นจึงเห็นหลายรายลงทุนมากในปีนี้เพื่อรับมือในปีต่อไปไว้แล้ว ทั้งๆ ที่ไม่เคยลงทุนในช่วงปีที่ผ่านมา
"สมาคมได้มีการหารือในกลุ่มงานผู้รับเหมาระดับชั้นพิเศษแล้วถึงศักยภาพการรับงานขนาดใหญ่ว่าอย่าให้เกินศักยภาพของแต่ละราย อยากให้รับงานตามศักยภาพของบริษัทที่สามารถจะรับดำเนินการได้เท่านั้น อีกทั้งหากงานล่าช้ายังเสี่ยงต่อการถูกปรับจากภาครัฐอีกด้วย ทั้งนี้ภายใต้ระเบียบที่เข้มงวดของภาครัฐกลับยังไม่พบว่าผู้รับเหมารายกลางและรายย่อยทิ้งงานกันเป็นจำนวนมากในขณะนี้ แม้ว่าจะเริ่มมีวิกฤติด้านแรงงานและผลกระทบทางเศรษฐกิจเช่นปัจจุบันนี้ก็ตาม แต่ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าผู้รับเหมาแต่ละรายได้เตรียมตัวรับความพร้อมมาเป็นอย่างดี มีบ้างบางรายที่ต้องล้มเลิกธุรกิจไปเนื่องจากปัจจัยต่างๆ ด้วยกัน แต่สำหรับงานขนาดใหญ่แล้วจะพบว่าสามารถทำงานได้สำเร็จเกือบทุกรายซึ่งสมาคมได้ติดตามเรื่องนี้ในภาพรวมมาโดยตลอด"
ประการหนึ่งนั้นหากพบว่าช่วงไหนวัสดุขาดแคลนก็จะเร่งนำเสนอรัฐบาลให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน ตลอดจนการขอขยายระยะเวลาสัญญาหากเกิดวิกฤติที่รับเหมาได้รับผลกระทบเช่นกรณีน้ำท่วมใหญ่ในปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ตลอดจนเรื่องค่า k และราคากลางที่ไม่เป็นธรรม หรือการปรับราคาขึ้น-ลงของราคาน้ำมันที่เกิดผลกระทบต่อการทำงาน ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแต่ละราย
"สมาคมมีความเป็นห่วงเรื่องราคาเหล็กในประเทศไทย ช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า มีการปรับราคาเพิ่มอย่างต่อเนื่องจาก 13-14 บาทเป็นเกือบ 20 บาท กระทบแน่นอน ปัญหาคือขณะนี้เหล็กขาดตลาดแล้ว ราคาแพงต่อเนื่อง ดังนั้นค่า K จึงจะต้องปรับเพิ่มตามไปด้วย รัฐต้องจ่ายเพิ่ม งานประมูลต่อไปก็จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ต้องปรับเปลี่ยนราคากลาง ฝากไปยังรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ว่าขณะนี้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วจะเร่งดำเนินการอย่างไรต่อไป อยากให้มีการนำเข้าเหล็กเฉพาะช่วงนี้เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,155 วันที่ 8 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559