หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 28 ตุลาคม 2564
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ 1 หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ สิ้นสุดสัปดาห์ที่ 22 ต.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 430.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮม่า ปรับตัวลดลงกว่า 3.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 27.3 ล้านบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่ ต.ค. 61 หลังอัตราการผลิตน้ำมันดิบยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 11.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าระดับ 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
น้ำมันดิบยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากวิกฤตขาดแคลนพลังงาน โดยเฉพาะในประเทศจีนและอินเดียที่จะหันมาใช้น้ำมันแทน หลังอุปทานถ่านหินและก๊าซธรรมชาติยังคงตึงตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นขึ้นในแถบเอเชียเหนือ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจีนมีแนวโน้มส่งออกน้ำมันเบนซินได้มากขึ้น หลังรัฐบาลอนุญาตให้ส่งออกแทนน้ำมันเตาได้ ท่ามกลางอุปสงค์ในมาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย ที่ปรับตัวดีขึ้นตามมาตรการที่คลี่คลาย
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขการส่งออกน้ำมันดีเซลจากเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคปรับตัวสูงขึ้นจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ในหลายประเทศ
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 พ.ย.นี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI)ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.99 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 82.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 84.58 ดอลลาร์/บาร์เรล