10 ต.ค. 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการสืบสวนเอาผิดมิจฉาชีพออนไลน์ คดีฉ้อโกงและหลอกหลวงประชาชน พบว่าเรื่องร้องเรียนผ่านสายด่วน 1212 ในรอบ 10 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 ส่วนใหญ่มาจากซื้อ-ขาย ออนไลน์ โดยได้สรุป 10 กลโกงซื้อขายออกไลน์ ได้แก่
1.หลอกโอนเงิน ไม่มีสินค้าส่งจริง
2. สินค้าไม่ตรงตามโฆษณา
3. จ่ายซื้อแบรนเนมแท้ แต่ได้ของปลอม
4.รับหิ้วของ
5.หลอกให้เซ็นรับพัสดุผิดกฎหมาย
6.ได้รับของชำรุดเสียหาย
7.หลอกซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์
8.หลอกเช่าพระบูชา
9.ตุ๋นขายแบบผ่อนชำระ
10.หลอกขายไม่ตรงรูป
ถูกหลอกขายผ่านเฟซบุ๊กสูงสุด
โดยสัดส่วนการร้องเรียนเป็นการถูกหลอกขายจากเฟซบุ๊ก สูงสุดคิดเป็น 82.4% (19,296 ครั้ง) เว็บไซต์ 4.6% และอินสตาแกรม 4.3% และเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม พบว่า ในปี 2564 มีร้องเรียนปัญหาซื้อขาย-ออนไลน์ เฉลี่ย 2,221 ครั้งต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่เฉลี่ย 1,718 ครั้งต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 29%
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายความผิดกรณีฉ้อโกงต่อประชาชน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งยังเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 11 ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท อีกด้วย มากไปกว่านั้น สำนักงาน กสทช. ยังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเครือข่าย เพี่อปิดกั้น SMS ชวนเล่นการพนันหรือปล่อยเงินกู้ผิดกฏหมายอีกด้วย
ประชาชนสามารถร้องเรียน/ร้องทุกข์ ผ่านสายด่วน 1212 และ เบอร์ 1441 สายด่วนตำรวจไซเบอร์ หรือ เว็บไซต์ https://www.1212occ.com และอีเมล์ [email protected] หากได้รับความเดือดร้อนหรือพบการกระทำผิดที่เป็นอาชญกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อให้มีการสอบสวนนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี และขอให้ประชาชนระมัดระวังในการซื้อของออนไลน์และไม่หลงเชื่อ SMS ที่ส่งมาจากเบอร์ไม่คุ้นเคย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโกง