ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ ตอบรับมติประชุมโอเปกพลัส

06 ต.ค. 2564 | 01:37 น.

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ ตอบรับการคงมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพียง 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือน พ.ย.64 ตามแผนเดิมที่ได้วางไว้ก่อนหน้าของกลุ่มโอเปกพลัส

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 6 ตุลาคม 2564

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ ตอบรับมติประชุมโอเปกพลัส

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาเวสต์เท็กซัสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 57 ขณะที่ ราคาเบรนท์ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังตลาดน้ำมันมีแนวโน้มอยู่ในภาวะตึงตัวมากขึ้นจากผลการประชุมของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (โอเปกพลัส) ที่จะยังคงปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพียง 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือน พ.ย.64 ตามแผนเดิมที่ได้วางไว้ก่อนหน้า แม้ว่าผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ เช่น สหรัฐฯ และอินเดีย จะออกมาเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกพลัส ปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าแผนที่วางไว้ โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกพลัส คาดว่าภาพรวมปี 64 การผลิตน้ำมันดิบจะขาดดุลจากความต้องการใช้ราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

- หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.95 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 419.45 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงราว 0.4 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคเอเชียได้รับแรงหนุนจากวันหยุดยาวประจำปีของจีน (Golden Week) ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศอื่นๆ ยังคงฟื้นตัวตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคที่อยู่ในระดับต่ำ จากปริมาณการส่งออกของผู้ผลิตในจีนและเอเชียเหนือที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ความต้องการใช้ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ที่มา : บมจ.ไทยออยล์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบปิดที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปีติดต่อกันเป็นวันที่สอง ขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ว่าหลายประเทศรวมถึงสหรัฐได้พยายามกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าระดับดังกล่าวเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 78.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนวันที่ 21 ต.ค. 2557

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 82.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 2561