"ปตท." มอบถุงยังชีพ 1,000 ชุดช่วยน้ำท่วมพื้นที่ลพบุรี

29 ก.ย. 2564 | 09:44 น.

ปตท. มอบถุงยังชีพ 1,000 ชุดช่วยน้ำท่วมพื้นที่ลพบุรี บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน พร้อมมีแผนช่วยพื้นที่อื่นอย่างต่อเนื่อง

นายอรรถพล  ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เปิดเผยว่า ปตท. ร่วมส่งมอบถุงยังชีพ ในนามชมรมพลังไทยใจอาสา กลุ่ม ปตท. จำนวน 1,000 ถุง ประกอบไปด้วยอาหารพร้อมรับประทาน เครื่องอุปโภค บริโภค ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนเบื้องต้น จากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ ต.ท่ามะนาว อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งขณะนี้ยังมีน้ำท่วมสูงและฝนตกหนัก ทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก 
ทั้งนี้ ปตท. ยังได้มีแผนช่วยเหลือประชาชนด้วยการจัดส่งถุงยังชีพไปยังพื้นที่อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง

ปตท. มอบถุงยังชีพช่วยน้ำท่วมลพบุรี
อย่างไรก็ดี จากการติดตามสถานการณ์ของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า สถานกรณ์น้ำท่วมในจังหวัดลพบุรียังคงอยู่ในขั้นวิกฤตหลังจากที่ถูกน้ำท่วมครบทั้ง 11 อำเภอแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอชัยบาดาล และอำเภอบ้านหมี่ที่จมบาดาลหลังระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เขตเทศบาลลำนารายณ์ของอำเภอชัยบาดาลต้องใช้เรือเข้าออกเนื่องจากรถเล็กไม่สามารถใช้เข้าออกได้แล้ว ซึ่งในอำเภอชัยบาดาลได้รับความเดือดร้อนแล้วจำนวน16ตำบล 76หมู่บ้าน4564 ครัวเรือน

นายศุภภิมิตร เปาริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ระบุว่า กรมชลประทานคาดการณ์ปริมาณน้ำที่จะเกิดจากปริมาณฝนตกตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.)  จะมีปริมาณน้ำท่าไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในระหว่างวันที่ 27 กันยายน ถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2564 รวมจำนวน 515 ลูกบาศก์เมตร  หากยังคงระบายน้ำในอัตรา 8.64 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะมีปริมาณน้ำเต็มอ่างในวันที่ 30 กันยายน 2564   เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำที่จะไหลลงเขื่อนได้โดยไม่ให้น้ำเต็มอ่าง กรมชลประทานจะเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอัตรา 8.64 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเป็น 34.56 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  โดยจะทยอยระบายเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ  ซึ่งเมื่อน้ำจำนวนนี้ไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำจากคลองชัยนาท-ป่าสักแล้ว  จะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตราไม่เกิน 700 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  
"จากสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสักตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหกในชุมชนนอกคันกั้นน้ำ บริเวณวัดสะตือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 2 2.5 เมตร   โดยระดับน้ำที่สูงขึ้นดังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ด้านท้ายน้ำวัดสะตือไปจนถึงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จึงขอแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัทห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำป่าสัก อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด"