ศบค.กำชับตรวจคัดกรอง-เฝ้าระวังใกล้ชิด หลังแรงงานกลับเข้ากทม.-ปริมณฑล

01 ก.ย. 2564 | 08:15 น.

ศบค.กำชับตรวจคัดกรอง-เฝ้าระวังใกล้ชิด หลังแรงงานเดินทางกลับเข้ากทม.-ปริมณฑล ย้ำแม้บางจังหวัดยอดติดเชื้อลดลง แต่อย่าหย่อนมาตรการ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง ชี้ยังพบการรายงานผู้ป่วยในคลัสเตอร์ต่างๆ

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันพุธที่ 1 กันยายน 2564 ช่วงหนึ่งว่า การรายงานผู้ติดเชื้อวันนี้ ตัวเลขของกทม.และปริมณฑลเทียบกับต่างจังหวัด เกือบเท่ากัน ก่อนหน้านี้ ที่ต่างจังหวัดค่อนข้างสูง วันนี้กทม.และปริมณฑล ต่างจังหวัด และภาพรวมประเทศ พบว่า  กทม.กับต่างจังหวัด กราฟจะเป็น 50:50 
 

ศบค.กำชับตรวจคัดกรอง-เฝ้าระวังใกล้ชิด หลังแรงงานกลับเข้ากทม.-ปริมณฑล
วันนี้มีรายงาน 33 จังหวัดที่มีอยู่ติดเชื้อเกิน 100 ราย จังหวัดทางภาคเหนือ พบว่า ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลง

ย้ำแม้ยอดติดเชื้อลดลง แต่อย่าลดการค้นหาผู้ป่วยและหย่อนมาตรการ

ส่วนถ้าจำแนกการติดที่พบในโรงพยาบาล หรือเป็นผู้ป่วยที่เข้ารับบริการ  เป็นผู้ป่วย PUI เป็นผู้ป่วยมีอาการทางเดินหายใจ หรือมีไข้  แล้วไปเข้ารับบริการทางโรงพยาบาล จะพบว่า ทั่วประเทศ มีผลการตรวจเป็นบวกมากถึง 17.6%  แต่ในส่วนของกทม.จะพบผู้ที่มีผลการตรวจเป็นบวก เป็น 27.2% 

ศบค.กำชับตรวจคัดกรอง-เฝ้าระวังใกล้ชิด หลังแรงงานกลับเข้ากทม.-ปริมณฑล ดังนั้น  ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงเน้นย้ำว่า ทุกโรงพยบาลยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้ หรือระบบทางเดินหายใจ ที่เดินเข้ามารักษาในโรงพยาบาล จำเป็นต้องตรวจผลโควิดด้วย PCR ทุกราย

นอกจากนี้ทางกระทรวงยังเน้นย้ำบางจังหวัดแม้ว่า จะมีตัวเลขผู้ป่วยลดลง แต่อย่าลดการค้นหาผู้ป่วย และหย่อนมาตรการ  เพราะยังพบการรายงานผู้ป่วยในคลัสเตอร์ต่างๆ รวมถึงกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ หรือโรงงาน แคมป์คนงานก็พบหลายที่ รวมทั้งตลาดชุมชน 

ดังนั้นขอให้ทุกจังหวัดยังคงเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง โดยพยายามสุ่มตรวจในพื้นที่เสี่ยง เช่น ในจังหวัดเชียงใหม่ มีการสุ่มตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงโดยประกาศของกรมอนามัย เช่น ชุมชนแรงงานต่างด้าว ตลาดสด ตลาดนัด โรงงาน สถานประกอบการ ธนาคาร ศูนย์เด็กเล็ก ศาสนสถานสถานีขนส่งสาธารณะ เป็นต้น
 

ศบค.กำชับตรวจคัดกรอง-เฝ้าระวังใกล้ชิด หลังแรงงานกลับเข้ากทม.-ปริมณฑล

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุมอีโอซีหารือกันในวันนี้ด้วยว่า ก่อนหน้านี้เราจะเห็นพี่น้องประชาชน เมื่อแคมป์คนงานก่อสร้างปิด ก็เดินทางกลับภูมิลำเนา แต่ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ เมื่อมีการเปิดกิจการ เปิดแคมป์คนงาน พี่น้องประชาชนกลุ่มนี้อาจจะเดินทางกลับเข้ากทม.และปริมณฑล ขอให้ทุกจังหวัดมีการติดตาม คัดกรองพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด 

ตอนนี้มีการระดมฉีดวัคซีนให้คนงานในแคมป์ คอนนี้จำเป็นต้องตรวจสอบว่า คนที่เดินทางกลับมาจากภูมิลำเนาได้ฉีดวัคซีนหรือยัง รวมทั้งมีการตรวจหาเชื้อหรือไม่ 

รวมทั้ง สถานีขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ 1 ก.ย.เริ่มเปิดให้บริการเกือบเป็นปกติ แม้ยังไม่ 100% แต่ว่า ขอให้ทุกภาคส่วน ทุกจังหวัดให้ความสำคัญ และเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงเหล่านี้ด้วย 

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อไปว่า ในส่วนมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 แนวใหม่ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างปลอดภัย หรือ Smart Control and Living with Covid-19  ซึ่งจะเป็นการทยอยเปิดกิจการ/กิจกรรม ใน 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2564 ทั้งนี้ ยืนยันไม่ได้เป็นการบังคับ แต่เป็นการขอความร่วมมือ ในส่วนสถานประกอบการ ให้กระทำตามแนวทาง

1. เรื่องสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลได้ กับ เว็บไซต์กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขว่าต้องทำอย่างไรบ้าง 

2.ส่วนพนักงานในร้าน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการฉีดวัคซีน และจัดหาชุดตรวจ ATK และมีการตรวจอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งผู้ประกอบการ ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล มีความพร้อม แต่อีก 23 จังหวัดสีแดงเข้ม อาจยังไม่พร้อม ก็ต้องขออภัย เรื่องการกระจายฉีดวัคซีน โดยสถานประกอบการที่ยังไม่พร้อม สามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อให้มีความพร้อมให้ได้ ภายใน 1 ต.ค.นี้

และ 3.ส่วนลูกค้าที่เข้าใช้บริการ ก็อนุญาตให้ผ่อนผันก่อนได้ ยืนยัน มาตรการนี้ เป็นการขอความร่วมมือ ไม่ใช่การบังคับ  

มาตรการดังกล่าว ต้องพร้อมทั้ง 3 ส่วน คือ สถานที่ พนักงาน และ ลูกค้า ร้านผู้ประกอบการเมื่อทำได้ ก็จะเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ ต่อไป

ศบค.กำชับตรวจคัดกรอง-เฝ้าระวังใกล้ชิด หลังแรงงานกลับเข้ากทม.-ปริมณฑล