เปิด 7 คลัสเตอร์ใหม่ กระจายใน 7 จังหวัด ติดเชื้อแล้ว 97 ราย

12 ก.ค. 2564 | 07:00 น.

"คลัสเตอร์โควิด"ผุดใหม่รายวัน เจออีก 7 คลัสเตอร์ใหม่ กระจายใน 7 จังหวัด ติดเชื้อแล้ว 97 ราย พบ 2 คลัสเตอร์ตลาด นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร บริษัทชิปปิ้ง และโรงพยาบาลเอกชน

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยวันนี้(12 ก.ค.64)ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,656 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,044 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 2,515 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 73 ราย ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 24 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 80 ราย พบคลัสเตอร์โควิดในพื้นที่ต่างจังหวัด  7 คลัสเตอร์ใหม่ 

เปิด 7 คลัสเตอร์ใหม่ กระจายใน 7 จังหวัด ติดเชื้อแล้ว 97 ราย

พบคลัสเตอร์ใหม่ 7 แห่งใน 7 จังหวัด  

  • ชลบุรี อ.ศรีราชา ตลาดสดรัตนากร พบติดเชื้อ 29 ราย
  • ปทุมธานี อ.ลำลูกกา บริษัทผลิตอุปกรณ์แก๊ส  พบติดเชื้อ 13 ราย
  • สุราษฎร์ธานี อ.เมืองสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลเอกชน พบติดเชื้อ 7 ราย
  • นครศรีธรรมราช อ.เมิงนครศรีธรรมราช ร้านอาหาร พบติดเชื้อ 12 ราย
  • กาญจนบุรี อ.เมืองกาญจนบุรี ตลาดสายหยุด  พบติดเชื้อ 7 ราย
  • ปราจีนบุรี อ.เมืองปราจีนบุรี บริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์  พบติดเชื้อ 22 ราย
  • ตาก อ.แม่สอด บริษัทชิปปิ้ง พบติดเชื้อ 7 ราย

เปิด 7 คลัสเตอร์ใหม่ กระจายใน 7 จังหวัด ติดเชื้อแล้ว 97 ราย เปิด 7 คลัสเตอร์ใหม่ กระจายใน 7 จังหวัด ติดเชื้อแล้ว 97 ราย ที่มา : ศูนย์ข้อมูล COVID-19 

กทม.จัดทีมเคลื่อนที่เร็ว 200 ทีม ค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศบค. เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการหารือแผนปฏิบัติการป้องกันโควิดเชิงรุกในกทม. โดยรองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้มีการรายงานสถานการณ์ล่าสุด ซึ่งพบว่า ยังมีความต้องการเตียงสูงมาก และในขณะนี้มีผู้ป่วยระดับสีเหลืองและสีแดงมีความต้องการเตียงอย่างเร่งด่วนเป็นจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นต้องขอสงวนเตียงเหลือง เตียงแดง รองรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเข้ารักษาในโรงพยาบาล

ทั้งนี้ ในชุมชนจะมีการจัดทีมเคลื่อนที่เร็วแบบเบ็ดเสร็จ 200 ทีม ซึ่งประกอบไปด้วยบุคลากรทางแพทย์ บุคลากรฝ่ายมั่นคง เจ้าหน้าที่เขต โดยมีหน้าที่ค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชนให้มากขึ้น และใช้วิธีการตรวจแบบ Rapid Antigen Test  และหากเป็นผู้ป่วยต้องการรักษาในระดับสีเขียว จะใช้วิธีการกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) แต่ถ้าเป็นกลุ่มก้อนจะพักอยู่ในโรงพยาบาลสนามชุมชน แต่หากมีอาการรุนแรงมากขึ้น และเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัวจะมีการประสานการส่งต่อ เพื่อให้ได้เข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย

พญ.อภิสมัย ชี้แจงถึง การใช้วิธีการตรวจแบบ Rapid AntigenTest โดยปกติในโรงพยาบาลจะใช้ในกรณีที่มีภาวะฉุกเฉิน เช่น ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุและต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิด แต่การตรวจลักษณะนี้มีความแม่นยำต่ำจึงไม่ได้มีการแนะนำมาใช้ก่อนหน้านี้

"แต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป มีต้องการการตรวจมากขึ้น การติดเชื้อแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หากรอผลการติดเชื้อ 1-2 วัน อาจทำให้การควบคุมโรคไม่มีประสิทธิภาพ ทางปลัดสาธารณสุขมีการทบทวนการนำ Rapid AntigenTest ที่มีมาตรฐานยอมรับได้มาหารือกัน และจะอนุญาตให้ประชาชนให้ได้"พญ.อภิสมัย กล่าว

ทั้งนี้ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า Rapid AntigenTest ที่นำมาใช้มีความหลากหลายทั้งแบบตรวจหาเชื้อ หรือซากเชื้อ หรือเป็นการตรวจภูมิคุ้มกัน ซึ่งเรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีการชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงแนวทางตรวจแบบ Rapid AntigenTest ในช่วงบ่ายวันนี้

อย่างไรก็ตาม โดยหลักการการตรวจแบบ Rapid Antigen Test ถ้าหากเริ่มติดเชื้อ ผลตรวจอาจออกมาเป็นลบ แต่อย่านิ่งนอนใจ ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่องโดยเฉพาะผู้ที่การสัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันก่อนหน้า และระหว่างเฝ้าระวังอาการต้องมีการแยกกักตัวเอง และทางสาธารณสุขแนะนำให้มีการตรวจซ้ำในวันที่ 5 ถึงวันที่ 7 เพราะเชื้ออาจมีประมาณมากขึ้น และผลตรวจแบบ Rapid AntigenTest อาจเป็นบวกได้ และเมื่อตรวจพบว่าเป็นบวกให้ติดต่อไปที่ 1330 เพื่อเข้าระบบ เข้าระบบและนำไปสู่การรักษาที่ปลอดภัย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ทางศบค.ขอความร่วมมือให้หน่วยฉีดวัคซีนทั้งในกทม.และปริมณฑล เร่งระดมการฉีดผู้สูงอายุและกลุ่มผู้มีโรคประจำตัวใน 7 โรคหลัก ภายใน 2 อาทิตย์นี้ ซึ่งทางกทม.รายงานว่า มีการฉีดวัคซีนผู้สูงอายุและกลุ่มผู้มีโรคประจำตัวใน 7 โรคหลัก ได้วันละ 6,000 รายเป็นอย่างต่ำและจะเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มนี้ให้มากขึ้น

ทั้งนี้ แม้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส อาจจะมีความเสี่ยงเป็นผู้ติดเชื้อได้ และถ้าฉีดวัคซีนแล้วมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้หรือไม่นั้น ทางกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงแล้วว่า ยังมีความเป็นไปได้

นอกจากนี้ ทางจังหวัดภูเก็ตได้มีการรายงานการดำเนินการโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และขอความร่วมมือประชาชนที่จะเข้ามายังจ.ภูเก็ตใช้มาตรฐานเดียวกันนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า คือ  ต้องรับวัคซีนครบ 2 โดสเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน, ต้องมีการยืนยันผลการตรวจโควิดด้วยวิธี Anitgen Test หรือ RT-PCR เท่านั้น, ต้องดาวน์โหลดแอพฯหมอชนะ และยินยอมให้แชร์โลเคชั่นตลอดเวลาที่อยู่ในภูเก็ต, ต้องแสดงเอกสารหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่พนักงานกรมควบคุมโรคติดต่อ ก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต

อย่างไรก็ตาม พญ.อภิสมัย กล่าวว่า มาตรการยกระดับคุมเข้ม การระบาดโควิด-19 ในพื้นที่เสี่ยงที่เริ่มบังคับใช้วันนี้ คาดหวังว่า จะส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ หรือผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มที่ลดลง แต่ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน และขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทั้งบุคลากรทางแพทย์ และบุคลากรฝ่ายความมั่นคงที่จะสามารถบังคับใช้มาตรการได้อย่างมีประสิทธิภาพ