ระวังภัย “ยาคลายเครียดผงสีชมพู” ตรวจพบมีส่วนผสมยาอี-ยาบ้า

10 ก.พ. 2564 | 05:13 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.พ. 2564 | 05:26 น.

พบชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี กินยาคลายเครียดลักษณะเป็นผงละเอียดสีชมพูปนเกล็ดสีขาว เมื่อตรวจพิสูจน์หาสารเสพติดและตัวยาอื่นๆ พบว่า มีส่วนผสมของยาอีและยาบ้าน หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้เกิดอาการติดยาเสพติดได้

 

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยวันนี้ (10 ก.พ.) ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 สุราษฎร์ธานี ได้รับตัวอย่างจากสถานีตำรวจในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี  มีลักษณะเป็น ผงละเอียดสีชมพูปนเกล็ดสีขาว น้ำหนักประมาณ 3.14 กรัม บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสซิปล็อค ไม่มีฉลากแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบ เลขสารบบ และสถานที่ผลิตใดๆ จึงได้ทำการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหาสารเสพติดและตัวยาอื่นๆ ที่ผสมในตัวอย่างดังกล่าว ด้วยเทคนิค Gas Chromatography Massspectrometry (GC-MS)

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์

 ผลการทดสอบ พบว่า มีส่วนผสมของตัวยา เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน (Methylenedioxymethamphetamine : MDMA) หรือยาอี และ เมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine)หรือยาบ้า ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิดนี้จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ทั้งนี้ ได้รายงานผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อป้องกันนำไปใช้ในทางที่ผิด และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของยาดังกล่าวในพื้นที่      

              

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวต่ออีกว่า จากข้อมูลของตำรวจที่ได้สอบถามผู้บริโภคแล้วให้การว่า สารดังกล่าวพวกเขาใช้กินเป็นยาคลายเครียด ซึ่งยาคลายเครียดหรือยานอนหลับนั้น ออกฤทธิ์ต่อสมองและมีผลข้างเคียง เช่น อาการติดยา ถ้าไม่ได้กิน ไม่หลับ ดื้อยา ฤทธิ์ยาตกค้าง เป็นต้น หากกินไปเพื่อคลายเครียดหรือกินติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้เกิดอาการติดยาเสพติด ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม และปัญหายาเสพติดตามมาได้

ยาคลายเครียดผลเกล็ดสีชมพูมีส่วนผสมของสารเสพติด

“จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบถึงผลิตภัณฑ์ยาคลายเครียดที่มีความเสี่ยงในชุมชน ซึ่งหากบริโภคเข้าไปอาจได้รับยาจำพวกยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ได้โดยไม่รู้เท่าทัน หากประชาชนต้องการใช้ยากลุ่มนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้  เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลในครอบครัวหรือชุมชนได้รับอันตรายจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว  และขอความร่วมมือจากประชาชนและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เป็นเครือข่ายเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพอันตรายในชุมชน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไป” นายแพทย์ศุภกิจกล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เตือน “ยาเคนมผง” ใช้เกินปริมาณเสี่ยง หัวใจล้มเหลว

"ยาเคนมผง"เสพครั้งแรกก็ตายได้

“ยาเคนมผง” ระบาด 5 วัน เข้าบำบัดแล้ว 71 ราย