กองทัพกะเหรี่ยงจัดพิธีสวนสนาม 72 ปีการปฎิวัติและประกาศอิสรภาพ ฉลองวันชาติกะเหรี่ยง ท่ามกลางข่าวทหารเมียนมาปฎิวัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพียงวันเดี่ยวก่อนกองทัพเมียนมารัฐประหาร เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2564 ที่ชายแดนไทย-เมียนมา ฐานปฎิบัติการบ้านเดปุนุ เมืองมือตรอ รัฐกระเหรี่ยง ตรงข้าม จังหวัดแม่ฮ่องสอน พล.อ.บอจ่อ แฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ Karen National Unionหรือ KNU ผู้นำคนสำคัญของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือเคเอ็นแอลเอ (Karen National Liberation Army) ได้จัดงานพิธีสวนสนามในงานรำลึกครบครอบ 72 ปีแห่งการปฎิวัติ และวันประกาศอิสรภาพกะเหรี่ยง ( Karen Liberation Day) และวันชาติ ขึ้นที่บริเวณฐานบัญชาการกองพลที่ 5 โดยมีทหาร KNU กว่า 200-300 คนเดินแถวเข้าสู่สนามพร้อมกับเสียงเพลงปลุกเร้าดังกระหึ่ม ท่ามกลางมวลชนชาวกะเหรี่ยง ที่มาดูและให้กำลังใจทหารกะเหรี่ยงด้วยความชื่นชม
สหภาพ KNU และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือเคเอ็นแอลเอ (Karen National Liberation Army) ได้จัดงานครั้งนี้ มีผู้นำคนสำคัญและผู้อาวุโสของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู และเคเอ็นแอลเอเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ นางซิปโปร่า เส่ง รองประธานเคเอ็นยู พล.อ.บอจ่อ แฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้แทนกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ โดยมีชาวปกาเกอะญอจากฝั่งไทยและเมืองต่าง ๆ ในฝั่งเมียนมาเข้าร่วม บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางกระแสข่าว ทหารรัฐบาลเมียนมาจะทำการปฏิวัติยึดอำนาจ
โดนพิธีสวนสนามเพื่อรำลึกถึงวีรชนของชาวกะเหรี่ยง มีการกล่าวรายงาน และอ่านสาส์นแสดงความยินดีของกลุ่มองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งการปราศรัยของบุคคลสำคัญที่มาร่วมงาน
นางซิปโปร่า เส่ง รองประธานเคเอ็นยู กล่าวว่าประชาชนอย่าได้ตายใจ ว่าเราจะมีสันติภาพเหมือนที่รัฐบาลเมียนมากำลังบอก เพราะการเจรจาก็ยังไม่ไปถึงไหน เราต้องสร้างความเข้าใจร่วมกันต่อไป เพื่อเป้าหมายสูงสุดและอุดมการณ์ของเรา ที่ต้องการให้ประชาชนกลับมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มีเสรีภาพ ตลอด 72 ปี พวกเราผ่านความยากลำบากมามาก เราต้องอดทนแม้จะใช้เวลานาน
พล.อ.บอจ่อ แฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเป็นประธานในพิธีสวนสนามในครั้งนี้ มีบทบาทสำคัญ เพราะ พล.อ.บอจ่อ แฮ วัย 56 ปี เป็นนายทหารที่ชาวปกาเกอะญอชื่นชอบ และได้รับการยอมรับสูงขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ในขณะนี้ เขาเคยได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด แต่เขาหลีกทางให้กับพล.อ.ซอ จอห์นนี่ ผู้อาวุโสของกองทัพก่อน โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าอีกภายใน 1-2 ปี หลังจากการเกษียณอายุของพล.อ.ซอ จอห์นนี่ เขาจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเคเอ็นแอลเอ
รายงานข่าวแจ้งว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่สับสน ในกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์ต่าง ๆ ภายหลังจากที่รัฐบาลเมียนมาเปิดประเทศ และยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพ ทำให้เกิดความแตกแยกทางความคิดภายในกลุ่มนักต่อสู้ชาติพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งกองทัพกะเหรี่ยง KNU ก็ประสบปัญหาดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ กองทัพกะเหรี่ยง KNU ได้มีการปลดพล.อ.มูตู เซ พอ ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เนื่องจากละเมิดข้อบังคับ ในการเปิดสำนักงานประสานงานของเคเอ็นยูที่เมืองผาอัน โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมาในการประชุมสมัชชาใหญ่ พล.อ.มูตู เซ พอ ได้รับเลือกกลับมาดำรงตำแหน่งประธานเคเอ็นยู ขณะที่นางซิปโปร่า เส่ง ถูกย้ายจากเลขาธิการ ไปดำรงตำแหน่งรองประธานเคเอ็นยู ส่วนพล.อ.บอจ่อ แฮ เลื่อนจากผู้บัญชาการกองพล 5 เป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยมีพล.อ.ซอ จอห์นนี่ เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นต้น
พล.อ.บอจ่อ แฮ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า รัฐบาลเมียนมาไม่เคยให้รายละเอียดที่ชัดเจ นเกี่ยวกับสัญญาหยุดยิง มีแต่บอกกับสังคมภายนอกเกี่ยวกับเจรจาสันติภาพ แต่กลับไม่ถอนกองกำลังทหารที่อยู่ในรัฐกะเหรี่ยงกลับ แถมยังส่งกำลังเข้ามาตั้งฐานเพิ่มอีก 10 จุด อย่างนี้เราจะไว้ใจได้อย่างไร
เมื่อวันก่อนมีรถขนเสบียงพม่าถูกระเบิด เพราะเราเคยบอกเขาไปแล้วว่าเข้ามาได้แค่ไหน แต่เขาไม่เชื่อ แถมยังแอบไปใช้เส้นทางอื่นด้วยจึงโดนกับระเบิด แต่สังคมภายนอกอาจมองว่าเราไปทำร้ายเขา ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเขามาบุกรุกเรา” พล.อ.บอจ่อ แฮ สะท้อนภาพข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
พล.อ.บอจ่อ แฮ บอกว่าตนเองมีแรงใจและกำลังใจขึ้นมาก เป็นอย่างมาก เพราะขณะนี้ มีเยาวชนและคนหนุ่มสาว เข้ามาสมัครเป็นทหารในกองพล 5 เพิ่มขึ้นมาก
“ผมเชื่อว่าทหารรุ่นใหม่เขาต้องการความถูกต้อง เราเองก็ต้องทำเป็นตัวอย่าง ส่วนคนที่เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวก็ต้องจำกัดบทบาทของเขา”
เมื่อถามว่าถูกทั้งกำลังทหารถูกทั้งทุนโอบล้อม ไม่กลัวและรู้สึกโดดเดี่ยวบ้างหรือไร“ผมไม่กลัว ถ้าเราตายในพื้นที่ของเรา ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี พี่น้องที่อื่นอาจไม่รู้ แต่พี่น้องที่นี่รู้” เขาตอบโดยไม่ต้องครุ่นคิด ซึ่งเป็นคำประกาศที่ชาวกะเหรี่ยงจำนวนไม่น้อยต่างเคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว
ขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในสังคมโลกกำลังจับจ้องเมียนมา พร้อมกับเลือกที่จะเชื่อว่าสันติภาพกำลังบังเกิดในแผ่นดินนี้ แต่ในอีกมุมหนึ่งในพื้นที่ระหว่างรอยต่อแผ่นดินไทยและรัฐคะเรนนี กองกำลังของกองพล 5 แห่ง เคเอ็นแอลเอ ยังคงต่อสู้กับทหารเมียนมา อย่างหนักหน่วง และเฝ้าติดตามข่าวการปฏิวัติในสหภาพเมียนมา ที่กำลังทหารอาจก่อการรัฐประหาร ซึ่งอาจส่งผลต่อกระบวนการสันติภาพในเมียนมาอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตรึงเข้มชายแดนไทยสกัด“เมียนมา”ทะลักหลังรัฐประหาร
เมียนมาประกาศ"ภาวะฉุกเฉิน"ทหารคุมประเทศ1ปี
ทหารเมียนมา"ปิดด่านท่าขี้เหล็ก"แล้ว