ศรีสุวรรณบุก ร้องกรมป่าไม้เร่งเอาผิดนายทุนต่างชาติรุกป่าสงวนฯ “ป่ายางหัก-เขาปุ้ม”

26 ม.ค. 2564 | 04:17 น.

“ศรีสุวรรณ” ร้องอธิบดีกรมป่าไม้ให้เร่งสาวเงื่อนงำกรณีนายทุนต่างชาติ ดำเนินโครงการ “เพชรบุรี ปาร์ค โปรเจคท์” พื้นที่กว่า 500 ไร่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก-เขาปุ้ม จ.เพชรบุรี ลั่นออกเอกสารสิทธิ์น.ส.3 มาได้ยังไง

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาสมาคมฯได้เข้าพบและหารือข้อกฎหมายกับนายอดิศร นุชดำรง อธิบดีกรมป่าไม้ กรณี นายทุนต่างชาติ เข้ามาดำเนิน โครงการ "Phetchaburi Park Project”เพื่อจัดทำโรงแรม คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว สวนอาหาร และสวนน้ำ ในพื้นที่กว่า 555 ไร่ ในพื้นที่ตำบลไร่โศก อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี โดยหลอกขายให้ชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากที่อยากมีบ้านพักที่อยู่อาศัยในเมืองไทย

 

นายศรีสุวรรณเผยว่า จากการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ของที่ดินทั้งหมดในโครงการดังกล่าวซึ่งมีจำนวน 21 แปลง เนื้อที่รวม 555 ไร่ 1 งาน 49 ตรว.ซึ่งอยู่ในรูปของ น.ส.3 ปรากฏว่า ที่ดินเกือบทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก-เขาปุ้ม ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 458(พ.ศ.2515) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2515

 

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เข้ายื่นร้องเรียนที่กรมป่าไม้

 

และเมื่อตรวจสอบต่อไปว่า น.ส.3 ดังกล่าวนั้น  ออกโดยกรมที่ดินช่วงปี 2533 ภายหลังจากการประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้ว จึงเป็นที่สงสัยว่า เอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ทั้ง 21 แปลงนี้ กรมที่ดินออกมาให้ประชาชนหรือเอกชนได้อย่างไร ในเมื่อพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ทั้งนี้ สมาคมฯเชื่อว่าอาจมีการร่วมมือกันอย่างเป็นกระบวนการ เพื่ออำพรางข้อกฎหมาย ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ได้

 

นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเผยว่า ที่ดินดังกล่าว สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี ได้ลงพื้นที่ไปรังวัดสำรวจตรวจสอบพิกัดของที่ดินแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.2563 และรายงานให้อธิบดีกรมป่าไม้ทราบแล้วตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.ปีเดียวกัน ว่าพื้นที่ดินผืนนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก-เขาปุ้มจริง และอธิบดีกรมป่าไม้ได้มอบหมายให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี ดำเนินการตรวจสอบสารบบที่ดินเพื่อเพิกถอน น.ส.3 ทั้งหมด แต่ทว่าจนบัดนี้กระบวนการเพิกถอนที่ดินและเอาผิดบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

 

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงเดินทางมาพบอธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อขอให้เร่งรัดการตรวจสอบและประสานกรมที่ดินเพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งผู้ที่ยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์และแผ้วถางที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตาม ม.14 เพื่อนำไปสู่การลงโทษ ตาม ม.31 ซึ่งเป็นการยึดถือครอบครองเกิน 25 ไร่ขึ้นไป จึงมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี ปรับตั้งแต่ 2 แสนถึง 2 ล้านบาท ซึ่งอธิบดีกรมป่าไม้ได้รับปากกับนายศรีสุวรรณว่า จะเร่งรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดต่อไป

 

แผนที่แสดงพื้นที่โครงการ

สภาพสิ่งปลูกสร้างในโครงการ (ขอบคุณภาพจากเนชั่นทีวี)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ค้านยกที่ป่าสงวน4.6 พันไร่ให้กองทัพเรือ

“ศรีสุวรรณ”เตือนอย่าซื้อแท็บเล็ตแจก น.ร. จะซ้ำรอยเดิม

"ศรีสุวรรณ" ชี้รัฐบาล ต้องฟังเสียงคนจะนะ!

รุกป่าสงวน รื้อ 10สัญญา มอเตอร์เวย์ “บางปะอิน-โคราช”

กรมป่าไม้แจ้งความ “สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” ข้อหารุกป่าสงวน 450 ไร่