"หมอธีระ"เผยยอดผู้​ติดเชื้อ​อังกฤษ พร้อมแนะรัฐฯอย่าคลั่งกับการเปิดประเทศ

01 พ.ย. 2563 | 04:32 น.

"หมอธีระ" ประเมินการติดเชื้อโควิดของอังกฤษต้องใช้เวลาต่อสู้ประมาณ 4.5 เดือน พร้อมแนะรัฐบาลไทยอย่าคลั่งกับการเปิดประเทศเพื่อโกยเงินแลกกับความเสี่ยงจากการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในสหราชอาณาจักร โดยมีใจความสรุปว่า เกี่ยวกับสหราชอาณาจักร... นายกรัฐมนตรีตัดสินใจถูกต้องแล้วที่จะประกาศมาตรการเข้มข้นล็อกดาวน์อีกครั้ง เพราะสถานการณ์ระบาดซ้ำครั้งนี้รุนแรงมาก

 

เห็นได้จากสหราชอาณาจักรมียอดติดเชื้อสะสมทะลุ 1,000,000 คน เป็นประเทศล่าสุด และติดเพิ่มวันละเกินหมื่นคนอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 1 เดือนแล้ว


หากดูจากบทเรียนของ 30 ประเทศทั่วโลกที่เจอระบาดซ้ำ สหราชอาณาจักรจะต้องใช้เวลาสู้ระลอกนี้ประมาณ 4.5 เดือน ซึ่งคาดว่าจะยาวไปถึงประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคม โดยยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันในระลอกนี้ คาดว่าอยู่ระหว่าง 21,222-58,164 คน และจำนวนผู้ติดเชื้อที่เกิดขึ้นจากการระบาดระลอกนี้อาจอยู่ราว 818,562-954,990 คน


นั่นคือคาดว่าปลายปีนี้ หากสิ้นสุดการระบาดซ้ำ เคสสะสมของเค้าน่าจะอยู่ประมาณ 1,099,638-1,236,066 คน

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่วม! ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 46 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.7 แสนราย  

นอกจากนั้นแล้ว รศ.นพ.ธีระ ยังเผยบทสัมภาษณ์ของกลุ่มธุรกิจผับและร้านอาหารในสหราชอาณาจักร หลังจากมีข่าวจะมีการล็อกดาวน์ซ้ำ โดยมีใจความว่า  "...There is no spare capacity in the tank to be able to fund a lockdown, even for three to four weeks..."


ทั้งนี้ เน้นย้ำให้หน่วยงานรัฐของไทยเราลดกิเลส อย่าคลั่งกับการเปิดประเทศโกยเงินแลกกับความเสี่ยงจากการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างไม่ลืมหูลืมตาอย่างที่กำลังคิดและกำลังจะทำ


ระบาดซ้ำ จะหนัก เร็ว คุมยาก หาต้นตอไม่เจอ ใช้เวลานานกว่าเดิม 1.5 เท่าในการจัดการควบคุม ยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันจะมากขึ้นเฉลี่ย 7.4 เท่า และเกิดผลกระทบวงกว้าง 


ยากนักที่จะเอาอยู่ หากมันเกิดขึ้น อุตส่าห์ปลดล็อคกันมาจนใช้ชีวิตประจำวันกันได้แบบนี้ เราสู้กันมานานมาก จะมาล้มคะมำในเวลานี้ ทุกอย่างที่ทำมาจะสูญเปล่า และกู้คืนยากกว่าเดิมมาก


ดีที่สุดคือ อย่าโลภ และป้องกันประเทศให้รอดพ้นจากการระบาดซ้ำ....ท่านนายกรัฐมนตรีควรสังคายนาวงนโยบายสุขภาพท่องเที่ยวและเดินทาง ก่อนจะพังกันหมดครับ