เปิดแล้ว รับแสงแรกแห่งสยามที่“ผาชะนะได”

1 ตุลาคม 2563 เป็นวันแรก ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม “ผาชะนะได” อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี หลังจากปิดเนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของ“โควิด-19” ในขณะเดียวกัน ได้บูรณะเส้นทางขึ้น จากทางธรรมชาติที่รถเล็กไม่สามารถขึ้นได้ปรับเป็นถนนลาดยางตลอดเส้นทาง เพิ่มความสะดวกนักท่องเที่ยว

นายนครินทร์ สุทัตโต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแต้ม กล่าวว่า ผาชะนะไดเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นพื้นที่ที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ และเป็นจุดที่รับชมแสงพระอาทิตย์แสงแรกของประเทศไทย มีความสวยงามทางทัศนียภาพ เป็นเนินผาสูง ที่มองเห็นแม่น้ำโขง และวิวฝั่งสปป.ลาว โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว ยิ่งบรรยากาศในช่วงเช้าจะมีเมฆปกคลุมจนกลายเป็นทะเลหมอก และเป็นอีกจุดหนึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดี

นอกจากนั้น ผาชะนะไดยังเป็นป่าสนสองใบตามธรรมชาติ ที่ขึ้นอยู่บริเวณหน้าผา เมื่อมองทะลุป่าสนสองใบ จะเห็นภูเขาสลับซับซ้อนของประเทศลาวเป็นฉากอยู่ข้างหลัง ตัดกับท้องฟ้าที่อยู่ด้านบนและลำน้ำโขงที่อยู่ด้านข้าง พร้อมมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทางประกอบด้วย เส้นทางผาแต้ม – น้ำตกสร้อยสวรรค์  เส้นทางน้ำตกทุ่งนาเมือง – ผาชะนะได และเส้นทางถ้ำปาฏิหารย์ – ผาชะนะได พร้อมทั้ง
เป็นจุดพยากรณ์พระอาทิตย์ขึ้นของกรมอุตุนิยมวิทยาอีกด้วย

นายนครินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ (1 ต.ค.)เป็นวันแรก ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาสัมผัสบรรยากาศอันสวยงาม หลังจากทางอุทธยาน ได้ประกาศปิดตั้งแต่ต้นปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ “โควิด-19” และถือโอกาสปรับปรุงทางขึ้น จากเดิมเป็นเส้นทางหินธรรมชาติ ระยะทาง 12 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้า 4 - 5 ชั่วโมง รถยนต์ต้องเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง ถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้ได้ปรับปรุงเป็นถนนลาดยางเรียบร้อยแล้ว รถทุกประเภทสามารถเดินทางขึ้นได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ทางอุทธยานจึงกำหนดเวลาในการ ขึ้น – ลง เป็นช่วง ๆ เนื่องจากเป็นเส้นทางคดเคี้ยว และถนนแคบ จึงได้กำหนดเวลาขึ้นลงไว้ คือ ช่วงเช้า เปิดให้ขึ้นเวลา 04.30 -07.30 น. และลงเวลา 08.30 - 10.30 น. และช่วงบ่ายเดินทางขึ้นเวลา 13.00 - 15.30 น. และเดินทางลงเวลา 16.30 - 17.30 น. ดังนั้น นักท่องเที่ยวต้องวางแผนในการเดินทาง เพื่อไม่ให้เสียเวลา

หากนักท่องเที่ยวประสงค์จะพักค้างคืน ทางอุทธยานมีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และเต้นท์นอน เพียง 10 หลัง ให้บริการ แต่นักเที่ยวสามารถนำเต้นท์ สิ่งอำนวยความสะดวก ที่ไม่ผิดระเบียบของอุทธยาน รวมถึงอาหาร เครื่องดื่ม ยกเว้นเครื่องที่มีแอลกอฮอร์ ขึ้นมาได้ แต่ขอความร่วมมือในการเก็บขยะและสิ่งที่เหลือใช้ของท่านกลับลงไปด้วย เพื่อเป็นการช่วยกันรักษาความสะอาดและอนุรักษ์ธรรมชาติ อีกด้วย

นายภาณุ มัชฌิมา นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัมผัสบรรยากาศในวันแรกของการเปิดผาชะนะได กล่าวว่า ตนเองเคยขึ้นมาตั้งแต่เป็นทางหินธรรมชาติ ซึ่งการเดินทางลำบากมากและใช้เวลามาก เพราะอยากมาสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามของผาชะนะได ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ส่วนการเดินทางมาครั้งนี้แตกต่างกันมาก สะดวกสบายมากหลังจากมีการปรับปรุงถนนใหม่ และรถเก๋งก็ขึ้นมาถึงที่นี่ได้อย่างสบาย แต่ก็ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง เพราะถึงแม้จะเป็นถนนลาดยางฃแต่ทางก็คดเคี้ยวพอสมควร และสมรรถภาพของรถก็ควรจะดีด้วย

ส่วนบรรยากาศ ที่นี่ต้องยอมรับว่าสวยงามมาก ซึ่งธรรมชาติที่นี่ก็เริ่มฟื้นตัว และสวยงามมากหลังจากปิดให้บริการ โดยเฉพาะในช่วงปลายฝน ต้นหนาว บรรยากาศช่วงเช้า ๆ จะเห็นทะเลหมอก กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา พอช่วงสายๆ หมอกก็จะเริ่มจางหายไป ก็จะเห็นทิวทัศน์ความลดหลั่นของทิวเขา และมองลงไปด้านล่างจะเห็นแม่น้ำโขง ที่ทอดยาวเป็นแนวกันเขตแดน ระหว่างไทยกับสปป.ลาว

หากใครอยากจะมาชมแสงแรกแห่งสยามแนะนำให้มานอนพักค้างคืนที่นี่ ตื่นเช้าจะได้สัมผัสไอหมอก และชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม
ได้อย่างเต็มอิ่ม และอยากบอกว่า หากใครมาจังหวัดอุบลฯ แล้วยังไม่มารับแสงแรกแห่งสยามที่ผาชะนะได ถือว่ายังมาไม่ถึงจังหวัดอุบลฯ...”

สำหรับค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม คนไทย เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท ชาวต่างชาติ เด็ก 200 บาท ผู้ใหญ่ 400 บาท ค่าธรรมเนียมรถ คันละ 30 บาท สอบถามรายละเอียดและจองบ้านพักได้ที่ www.park.dnp.go.th

ชลธิษ จันทร์สิงห์ อุบลราชธานี : รายงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทยเวียตเจ็ทบินเพิ่ม 5 เส้นทาง‘อุบลฯ’เริ่มต.ค.

อุบลฯชวนเที่ยวงาน"อนุรักษ์เทียนพรรษา"รับยุคโควิด-19