สหราชอาณาจักร - ก.ล.ต. ลงนาม MoU ยกระดับบริการทางการเงิน

02 ก.ย. 2563 | 06:28 น.

รัฐบาลสหราชอาณาจักร และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อสร้างความเป็นหุ้นส่วนในด้านบริการทางการเงิน โดยความร่วมมือจะมุ่งเน้นสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและยั่งยืน กิจกรรมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ รวมทั้งสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศผ่านทางภาคบริการทางการเงิน

บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ จะช่วยกระชับความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสหราชอาณาจักร และ ก.ล.ต. ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการยกระดับมาตรฐานการบัญชี การพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค (FinTech) เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการบริการทางการเงินและโอกาสทางธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมฟินเทคในประเทศไทย และส่งเสริมการเงินเพื่อความยั่งยืน 

 

ในเบื้องต้นจะมุ่งเน้นความร่วมมือในเรื่อง การสนับสนุนการออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กิจกรรมในเบื้องต้นจะมุ่งเน้นเรื่อง การพัฒนาระบบนิเวศของธุรกิจฟินเทค (FinTech ecosystem) การทำความรู้จักลูกค้าด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ หรือe-KYC และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล กล่าวว่า MoU ฉบับนี้เน้นย้ำความมุ่งมั่นของ ก.ล.ต. ในการดำเนินยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัลและความยั่งยืน วิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมและการนำเครื่องมือดิจิทัลมาใช้เพื่อรับมือกับผลกระทบ และยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการปรับตัว เพื่อพร้อมตอบสนองต่อโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนด้วย ก.ล.ต. เชื่อมั่นว่า MoU ฉบับนี้ จะช่วยส่งเสริมการยกระดับระบบนิเวศของตลาดทุน สนับสนุนการพัฒนาเพื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ไบรอัน เดวิดสัน กล่าวว่า บริการทางการเงิน โดยเฉพาะ เทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค (FinTech) มีบทบาทสำคัญอย่างมาก ทั้งในการทำธุรกิจและการดำเนินชีวิตของคนทั่วไปในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 และขณะที่กำลังฟื้นตัวจากวิกฤติครั้งนี้ บริการทางการเงินก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ในการช่วยให้เราก้าวไปสู่เศรษฐกิจใหม่ที่ดีกว่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า และก่อประโยชน์แก่ผู้คนทั่วถึงยิ่งขึ้น