โกลบอลคอมแพ็ก ประกาศเป้า "ทศวรรษแห่งการลงมือทำจริงจัง 2030"
สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็ก ประเทศไทย ขานรับเป้าหมายเลขาธิการสหประชาชาติ พุ่งเป้าการดำเนินธุรกิจ สู่ "ทศวรรษแห่งการลงมือทำจริงจัง" ปฏิบัติทุกภาคส่วนภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ภายในปี 2030 เผย 21 องค์กรไทยรับความท้าทายเดินหน้ากว่า 998 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 ล้านล้านบาท เพื่อผลักดันให้ไทยบรรลุเป้าหมาย SDGs ช่วยขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
นายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand : GCNT) กล่าวในงาน "GCNT FORUM 2020: Thailand Business Leadership for SDGs” ว่า จากการจัดตั้งสมาคมฯ ตั้งแต่ธันวาคม 2018 สมาคมฯ มีเป้าหมายที่จะจัดงานเปิดเวทีระดมความคิดของภาคเอกชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกปี เพื่อน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปฏิบัติจริงในการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน บรรลุเป้าหมายทั้ง 17 ข้อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
จากเป้าหมายเดิมในการเดินหน้าเพ่ือเป้าหมายทั้ง 17 ข้อของ SDGs ในปี 2020 สู่เป้าหมายใหม่ หลังจากไวรัสโควิด -19 แพร่ระบาด และสร้างผลกระทบไปทั่วโลก เลขาธิการสหประชาชาติ ได้เรียกร้องให้ภายใน 10 ปีข้างหน้า หรือในปี 2030 สมาชิกเดินหน้าสู่ เป้า "ทศวรรษแห่งการลงมือทำจริงจัง 2030" ซึ่งจะมีความเข้มข้นและรวดเร็วกว่าเป้าหมายเดิม เพื่อให้โลกฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
สำหรับประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพ จากรายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2563 (Sustainable Development Report 2020) และการจัดอันดับการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG Index 2020) พบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 41 จากทั้งหมด 166 ประเทศทั่วโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายปี 2030 ทางสมาคมฯ ได้เชิญชวนให้สมาชิกร่วมแข่งขัน เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมาย ซึ่งขณะนี้มี 21 องค์กรแล้วที่พร้อมประกาศเข้าร่วมการแข่งขัน โดยจัดทำกว่า 998 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านบาท เพื่อผลักดันให้ไทยบรรลุเป้าหมาย SDGs ช่วยขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ อาทิ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กลุ่ม ปตท. กลุ่มมิตรผล แพรนด้ากรุ๊ป และบริษัทสมาชิกอื่นๆ
ปัจจุบันสมาคมฯ มีสมาชิกเกือบ 60 องค์กร คิดเป็นมูลค่าสมาชิกสูงถึง 4.2 ล้านล้านบาท ซึ่งนั่นแสดงถึงศักยภาพของสมาคมฯ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่สมาชิกของโกลบอลคอมแพ็กทั่วโลก มีกว่า 1.2 หมื่นองค์กร ใน 156 ประเทศ และปีนี้เป็นปีที่ก่อตั้งครบ 20 ปี ที่องค์กรต่างๆ ทั่วโลกได้ร่วมระดมพลังของภาคเอกชนในการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ภายใต้หลักสากล 10 ประการ ครอบคลุม 4 ด้าน คือ ด้านสิทธิมนุษยชน ด้านสิทธิแรงงาน ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต
นายศุภชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้นำ คือ ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง ผู้นำที่ดี คือ ผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลง ซึ่งยังประโยชน์สุขต่อคนหมู่มาก ดังนั้น ความตระหนักรู้ถึงปัญหาของผู้นำในทุกภาคฝ่ายจึงเป็นภารกิจสำคัญของเรา และเมื่อผู้นำมีความตระหนักรู้แล้ว เราจะสามารถรับมือเเละผ่านพ้นวิกฤตที่กล่าวมานี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ด้วยความกล้าหาญความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ และที่สำคัญคือ ความร่วมมืออย่างเป็นปึกเเผ่นของทุกภาคฝ่าย
ในโอกาสนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “GCNT FORUM 2020: Thailand Business Leadership for SDGs” ในโอกาสการครบรอบ 20 ปี เครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) และครบรอบ 75 ปีสหประชาชาติ (United Nations) และได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “วิถีคิดผู้นำในสถานการณ์วิกฤต ประสบการณ์จากสถานการณ์ COVID-19” โดยเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน มีใจความว่า “ประเทศไทยเราโชคดีที่มี “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวทางการพัฒนาประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ “การพัฒนาคน” และ “ความมั่นคงของมนุษย์” เพื่อให้ทุกคนในชาติมีภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม วันนี้ทุกภาคส่วนจะต้องรวมพลังกันเพื่อ “รวมไทยสร้างชาติ” เพราะเราและโลกมีเป้าหมายที่ชัดเจนรออยู่ข้างหน้า นั่นก็คือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ หรือ SDGs ซึ่งเราจะต้องบรรลุให้ได้ภายในปี 2030 แม้ว่าเราจะมีเวลาไม่มาก แต่ผมเชื่อมั่นว่าเราคนไทย หากร่วมมือร่วมใจกัน ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล และขอชื่นชมบทบาทของภาคเอกชนในการสร้างความตระหนักรู้และร่วมมือกันบรรลุเป้าหมาย SDGs ต่างๆ โดยเฉพาะเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย สามารถมีบทบาทสำคัญได้อย่างแน่นอน ในการระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศ
