ชิมไม่รู้รส ดมไม่ได้กลิ่น เสี่ยงติดโควิด

24 เม.ย. 2563 | 23:40 น.
อัปเดตล่าสุด :25 เม.ย. 2563 | 08:13 น.

ไทยเริ่มพบผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการเริ่มแรกมาจากการสูญเสียการรับรสและรับกลิ่นแล้ว ขณะที่งานวิจัยทางการแพทย์ในหลายประเทศต่างชี้ชัดการดมไม่ได้กลิ่น ชิมไม่รู้รส เป็นสัญญาณเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะงานวิจัยล่าสุดของสหรัฐ ที่ระบุว่าอาการดังกล่าวเป็นตัวบ่งชี้ชัดเจนกว่าอาการอื่นๆ ถึง 10 เท่า

คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสต ศอ นาสิกวิทยาของสหราชอาณาจักร เตือนคนที่สูญเสียการรับกลิ่นอย่างฉับพลัน เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ ซึ่งอาจเป็นพาหะแอบแฝงแพร่กระจายเชื้อ โดยพบผู้ติดเชื้อโควิดมีความสามารถในการรับรสและรับกลิ่นลดลง  มากกว่าผู้ที่ไม่ติดเชื้อถึง 3 เท่า

ขณะที่งานวิจัยของแพทย์ในกลุ่มประเทศยุโรป พบผู้ติดเชื้อโควิดสูญเสียการรับรสและการรับกลิ่นมากกว่า 80% และมีถึง 11.8% มีอาการเหล่านี้เป็นอาการนำ 

ส่วนในจีน เกาหลีใต้ และอิตาลี ก็พบผู้ป่วยโควิด 1 ใน 3 ที่สูญเสียการรับกลิ่นอย่างฉับพลัน  ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีอาการป่วยเล็กน้อย หรือแทบไม่แสดงอาการ

ชิมไม่รู้รส  ดมไม่ได้กลิ่น  เสี่ยงติดโควิด

ชิมไม่รู้รส  ดมไม่ได้กลิ่น  เสี่ยงติดโควิด

สำหรับงานวิจัยล่าสุดของแพทย์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโกเฮลธ์ ที่สหรัฐ ชี้ชัดคนที่สูญเสียการรับรสและกลิ่น มีความเสี่ยงมากกว่า 10 เท่าที่จะติดเชื้อโควิด-19มากกว่าอาการอื่นๆ และสามารถระบุได้ว่าเป็นอาการนำของการติดเชื้อ ผลวิจัยนี้พบผู้ติดเชื้อโควิดสูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นถึง 68% และสูญเสียการรับรส 71% สูงกว่าผู้ป่วยโรคอื่นที่จะพบอาการเหล่านี้ไม่เกิน 17% 

งานวิจัยจากหลายประเทศที่บ่งชี้ชัดเจน เป็นสิ่งที่ รศ.พญ.สุพินดา ชูสกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนาสิกวิทยา ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการผ่าตัดส่องกล้องโรคจมูกและไซนัส  โรงพยาบาลจุฬาฯ มองว่านี่เป็นหนึ่งในอาการเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง เพราะในไทยก็เริ่มพบผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการนำมาจากการสูญเสียการรับรสและรับกลิ่นแล้วเช่นกัน

การสูญเสียความสามารถในการรับรสรับกลิ่นยังเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยอีกหลายโรค เช่น โรคภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ริดสีดวงจมูก และอัลไซเมอร์ แต่หากเป็นอาการนำของโรคโควิด-19 จะต้องเป็นการสูญเสียการรับรสรับกลิ่นอย่างฉับพลัน โดยที่ไม่เคยมีอาการป่วยด้วยโรคอื่นมาก่อน

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนาสิกวิทยา เตรียมวิจัยความสามารถในการรับรสรับกลิ่นของผู้ติดเชื้อโควิดในไทย พร้อมเตือนไม่ให้ตื่นตระหนก แต่หากพบอาการดมไม่ได้กลิ่น ชิมไม่รู้รสอย่างฉับพลัน ก็ควรกักตัวเองเฝ้าสังเกตอาการอย่างน้อย 7 วัน ระหว่างนี้หากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ และหอบเหนื่อย ค่อยไปพบแพทย์ เช่นเดียวกับแนวทางปฏิบัติที่อังกฤษและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาด (CDC) ของสหรัฐ นำอาการดังกล่าวมาเพิ่มเป็นเกณฑ์เฝ้าระวังโรคโควิด-19

 

 

 

 

 

คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสต ศอ นาสิกวิทยาของสหราชอาณาจักร เตือนคนที่สูญเสียการรับกลิ่นอย่างฉับพลัน เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ ซึ่งอาจเป็นพาหะแอบแฝงแพร่กระจายเชื้อ โดยพบผู้ติดเชื้อโควิดมีความสามารถในการรับรสและรับกลิ่นลดลง  มากกว่าผู้ที่ไม่ติดเชื้อถึง 3 เท่า

ขณะที่งานวิจัยของแพทย์ในกลุ่มประเทศยุโรป พบผู้ติดเชื้อโควิดสูญเสียการรับรสและการรับกลิ่นมากกว่า 80% และมีถึง 11.8% มีอาการเหล่านี้เป็นอาการนำ 

ส่วนในจีน เกาหลีใต้ และอิตาลี ก็พบผู้ป่วยโควิด 1 ใน 3 ที่สูญเสียการรับกลิ่นอย่างฉับพลัน  ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีอาการป่วยเล็กน้อย หรือแทบไม่แสดงอาการ

สำหรับงานวิจัยล่าสุดของแพทย์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโกเฮลธ์ ที่สหรัฐ ชี้ชัดคนที่สูญเสียการรับรสและกลิ่น มีความเสี่ยงมากกว่า 10 เท่าที่จะติดเชื้อโควิด-19มากกว่าอาการอื่นๆ และสามารถระบุได้ว่าเป็นอาการนำของการติดเชื้อ ผลวิจัยนี้พบผู้ติดเชื้อโควิดสูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นถึง 68% และสูญเสียการรับรส 71% สูงกว่าผู้ป่วยโรคอื่นที่จะพบอาการเหล่านี้ไม่เกิน 17% 

 

งานวิจัยจากหลายประเทศที่บ่งชี้ชัดเจน เป็นสิ่งที่ รศ.พญ.สุพินดา ชูสกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนาสิกวิทยา ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการผ่าตัดส่องกล้องโรคจมูกและไซนัส  โรงพยาบาลจุฬาฯ มองว่านี่เป็นหนึ่งในอาการเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง เพราะในไทยก็เริ่มพบผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการนำมาจากการสูญเสียการรับรสและรับกลิ่นแล้วเช่นกัน

การสูญเสียความสามารถในการรับรสรับกลิ่นยังเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยอีกหลายโรค เช่น โรคภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ริดสีดวงจมูก และอัลไซเมอร์ แต่หากเป็นอาการนำของโรคโควิด-19 จะต้องเป็นการสูญเสียการรับรสรับกลิ่นอย่างฉับพลัน โดยที่ไม่เคยมีอาการป่วยด้วยโรคอื่นมาก่อน

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนาสิกวิทยา เตรียมวิจัยความสามารถในการรับรสรับกลิ่นของผู้ติดเชื้อโควิดในไทย พร้อมเตือนไม่ให้ตื่นตระหนก แต่หากพบอาการดมไม่ได้กลิ่น ชิมไม่รู้รสอย่างฉับพลัน ก็ควรกักตัวเองเฝ้าสังเกตอาการอย่างน้อย 7 วัน ระหว่างนี้หากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ และหอบเหนื่อย ค่อยไปพบแพทย์ เช่นเดียวกับแนวทางปฏิบัติที่อังกฤษและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาด (CDC) ของสหรัฐ นำอาการดังกล่าวมาเพิ่มเป็นเกณฑ์เฝ้าระวังโรคโควิด-19