“กักตัวคนไทยกลับบ้าน”พร้อมรับวันละ200คน

วันนี้(5 เมษายน 2563) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.  ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า วันนี้ประเทศไทยมี ผู้ติดเชื้อเพิ่ม  102 ราย ยอดสะสม 2,169 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 1,472 ราย รักษาหายแล้ว 674 ราย  เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 23 ราย

ในกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ 102 รายนั้น จำนวน 48 รายเป็นกลุ่มมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า โดยรวมศูนย์อยู่ที่กทม.(14ราย) ภูเก็ต(8 ราย) และสมุทรปราการ (6ราย)  หรือสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้  คือ สถานบันเทิง ร่วมพิธีทางศาสนา รวม 4 ราย  

อีกกลุ่มที่ต้องเพิ่มความสนใจคือ กลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่่วยก่อนหน้า ที่มีจำนวนไล่ตามมาที่ 42 ราย ในกลุ่มนี้เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ  13 ราย ส่วนใหญ่มาจากอังกฤษ คือมีจำนวน 7 ราย เป็นนักศึกษา หรือทำงานในร้านอาหาร ขณะที่คนต่างชาติเดินทางเข้าไทย และผู้ทีี่สัมผัสผู้มาจากต่างประเทศ คงที่อยู่ที่ 1 และ 2 คนตามลำดับ  

นอกจากนี้กลุ่มอาชีพเสี่ยงก็เริ่มติดเชื้อเพิ่มขึ้น มี 19 ราย เช่น ทำงานในสถานที่แออัด หรือสัมผัสใกล้ชิดชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่อยู่ที่ภูเก็ตที่มี 10 ราย จำนวนนี้เป็นพนักงานนวด 5 ราย

โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ติดเชื้อสะสม 2,169 รายนั้น  กระจายใน 66 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร 1,011 ราย 2.นนทบุรี 137 ราย 3.ภูเก็ต 131 ราย 4.สมุทรปราการ 108 ราย 5.ชลบุรี 68 ราย 6.ยะลา 52 ราย 7.ปัตตานี 45 ราย 8.สงขลา 37 ราย 9. เชียงใหม่ 36 ราย 10.ปทุมธานี 28 ราย  นอกจากกรุงเทพฯ นนทบุรี ที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้มแล้ว เวลานี้กระจายไปทั่วประเทศ ไม่มีพื้นที่ไหนปลอดภัยอีกแล้ว และไปหนาแน่นบริเวณขอบชายแดน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เมื่อจังหวัดหรือพื้นที่ได้รับทราบแล้วจะได้มีมาตรการรองรับเฉพาะพื้นที่ต่อไป

ส่วนจังหวัดที่ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อมี 11 จังหวัด ประกอบด้วย กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พังงา พิจิตร ระนอง สตูล สิงห์บุรี และอ่างทอง 

โฆษก ศบค.ยังวิเคราะห์การเสียชีวิต 20 ราย ช่วง 4 เดือนของสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด(4ม.ค.-4เม.ย.)ว่า ส่วนใหญ่เป็นชาย (18 คน)  เป็นผู้หญิงเพียง 2 คน  ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีประวัติการติดเชื้อจากสนามมวย ต่างประเทศ และกลุ่มอาชีพเสี่ยงเป็นหลัก (อย่างละ 5 ราย) เป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ 2 ราย และสถานบันเทิง 1 ราย

ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อ 2,016  ส่วนใหญ่เป็นชาย คือ 1,124 คน หญิง 874 คน และชายมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าคือ 1.6 % เทียบกับหญิงที่เสียชีวิต 0.2% โดยปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อ กลุ่มอายุ 50-69ปี  เสียชีวิต 9 ราย ประวัติการติดเชื้อมาจากไปต่างประเทศ ไปพิธีกรรมศาสนา และอาชีพเสี่ยง อายุ 70 ปีขึ้นไป เสียชีวิต 8 ราย สัมพันธ์กับสนามมวย และสัมผัสผู้ป่วย นอกจากนี้พบอีกว่า โรคประจำตัวและอายุ มีผลต่ออัตราการเสียชีวิต โดยยิ่งอายุมากยิ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น กลุ่มผู้สูงอายุจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องช่วยกันปกป้อง

“เมื่อวานจำนวนผู้ป่่วยใหม่ลดลงเป็นต่ำกว่าร้อย วันนี้เพิ่มขึ้นเป็นเกินร้อยอีกครั้ง ซึ่งพวกเราต้องพยายามร่วมมือกันทำตามมาตรการอย่างเข้มข้นต่อไป ไม่ควรมากไปกว่านี้แล้ว เพราะถ้าเพิ่่มวันละร้อยผ่านไป 10 วันสะสมเพิ่มอีกเป็นพันคน ต้องช่วยกันดึงลงมาให้เป็นเลข 2 หลักให้ได้”

โฆษก ศบค.กล่าวย้ำด้วยว่า การติดเชื้อจากต่างประเทศที่ศบค.เฝ้าติดตามอยู่นั้น หากคุมไม่ดีมีหลุดรอดไป 1-2 ราย ก็มีโอกาสจะกลายเป็นผู้แพร่เชื้อวงกว้าง (Super Spreader) ท่านที่เดินทางมาจากต่างประเทศจึงถือเป็นกลุ่มเสี่ยง แม้จะมีหนังสือรับรองทางการแพทย์จากต้นทาง ได้กักกันโรค 14 วันมาก่อนแล้ว ไม่มีไข้ เมื่อเดินทางมาถึงไทยจำเป็นต้องคุมอีก 14 วันเพื่อความมั่นใจ ว่าจะไม่กลายเป็นผู้แพร่เชื้อไปทั่วประเทศ หลังเกิดปัญหาคนไทยเดินทางกลับที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายกฯสั่งให้บูรณาการการปฏิบัติให้เรียบร้อย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยมีความพร้อมที่จะดูแลรับคนไทยเดินทางกลับ วันละประมาณ 200 คน  โดยต้องลงทะเบียนก่อนเดินทางและยินยอมเข้าระบบ State Quarantine 100 % คือกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ ที่ได้วางระบบไว้พร้อมแล้ว  เพราะต้องดูแลคนในประเทศด้วย  ยืนยันได้ว่าที่เราจัดให้นั้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่อื่น ๆ เลย