“ซีอีโอ”ถือว่ามีบทบาทสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในวาระที่ “ฐานเศรษฐกิจ” ก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 ได้ร่วมมือกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จัดกิจกรรม “The Best CEO Award” ขึ้นมาเป็นครั้งแรก เพื่อมอบรางวัลให้กับ “ซีอีโอ” ที่มีผลงานโดดเด่นแต่ละสาขา ผลการตัดสินรางวัล The Best CEO Award ประกอบด้วย นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด สาขา B:Business นายอนุรักษ์ สรรฤทัย เจ้าของบริษัท ฮาซันอาหารทะเลตากแห้งฯ จังหวัดสตูล ที่รู้จักในนาม “บังฮาซัน” สาขา E: e-Commerce
ขณะที่นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด สาขา S:Service, ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สาขาT:Technology และนายประทีป อัคคูนูร์ ผู้ร่วมก่อตั้งผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ข้าวสีนิล Laiki สาขา Young Entrepreneur
โดยผู้รับรางวัลทั้งหมดเข้ากับเกณฑ์ที่ฐานเศรษฐกิจและศศินทร์ ร่วมกันกำหนดขึ้นมา ประกอบด้วยความเป็นผู้นำ วิสัยทัศน์ นวัตกรรม ความกล้าหาญ การทำธุรกิจแบบยั่งยืน ใช้แนวคิดแบบผู้ประกอบการ มีความเห็นอกเห็นใจและมีวิจารณญาณ
สร้างช็อปปิ้งมอลล์ไทยกระฉ่อนโลก
ชื่อของ “ชฎาทิพ จูตระกูล” ไม่เพียงโดดเด่นในฐานะ ผู้บริหารหญิงระดับแนวหน้าของประเทศ แต่ยังเป็นผู้หญิงไทยคนแรก ที่ได้รับการจารึกชื่อในหอเกียรติยศของสภาการค้าปลีกโลก (World Retail Hall of Fame 2019) ในปีที่ผ่านมา
“ชฎาทิพ จูตระกูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เป็นเจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ไอคอนสยาม, สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ กว่า 30 ปีในวงการค้าปลีก เธอสร้างปรากฏ การณ์ สร้างชื่อเสียงให้ทั่วโลกรู้ว่า “เมืองไทย ก็มีดีไม่แพ้ชาติใดในโลก”
จากความสำเร็จในการสร้างให้ “สยามพารากอน” เป็นศูนย์การค้าระดับโลก และได้รับการโหวตให้เป็นแหล่งช็อปปิ้งในใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กลายเป็นความท้าทายให้เธอต้องรังสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น
ชฎาทิพ บอกว่า “เราต้องการให้โครงการต่างๆ ของเรา สร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างคุณค่าและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่มาเยี่ยมเยือน และเราปรารถนาให้สยามพิวรรธน์เป็นบริษัทไทยที่นำพาเกียรติยศและการยอมรับนับถือในเวทีโลก มาสู่คนไทยและประเทศไทยของเรา”
การพัฒนาโครงการริมแม่นํ้าเจ้าพระยา ภายใต้ชื่อ “ไอคอนสยาม” มูลค่ากว่า 5.4 หมื่นล้านบาทจึงเกิดขึ้น พร้อมสร้างบรรทัดฐานใหม่ ในการทำธุรกิจรูปแบบ Shared Values และ Co-Creation ด้วยเป้าหมายการสร้างผลประโยชน์ให้แก่ชุมชน สังคมและประเทศ ความสำเร็จของไอคอนสยามไม่ได้พิสูจน์จากรายได้ที่เข้ามา หรือการตอบรับของคู่ค้าเท่านั้น แต่เสียงสำคัญคือ “ลูกค้า” ที่เข้ามาใช้บริการจากทั่วโลก
“ไอคอนสยาม” ยังได้รับรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น World Retail Awards 2019 ในสาขา Best Store Design of the Year คือเป็นโครงการที่มีการออกแบบดีที่สุดในโลก รางวัลชนะเลิศจาก INTERNATIONAL PROPERTY AWARDS สาขา RETAIL DEVELOPMENT, รางวัลชนะเลิศ Prix Versailles South Asia and the Pacific 2019 สาขา Shopping Malls, รางวัล Gold Stevie Award 2019 สาขา Art, Entertainment & Public - Art Event จาก The International Business Awards การประกวดธุรกิจนานาชาติประจำปี 2019, รางวัลชนะเลิศ 4 รางวัล จากสมาคมศูนย์การค้าโลก หรือ International Council of Shopping Centers (ICSC) Asia Pacific Awards อันได้แก่ สาขา โครงการแห่งใหม่ที่ดีที่สุด (Design and Development - New Developments), ให้การสนับสนุนธุรกิจรายย่อยดีที่สุด (Marketing - Business-to-Business (B2B), จัดงานเปิดตัวดีที่สุด (Marketing - Grand Opening, Expansion & Renovation), แคมเปญการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุด (Public Relations and Events) ซึ่งเป็นโครงการใหม่โครงการเดียวได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นจำนวนรางวัลมากที่สุดในคราวเดียวกัน
ด้วยฝีมือและหลักบริหารของ “ชฎาทิพ จูตระกูล” 1 ใน 5 CEO ผู้ได้รับรางวัล The Best CEO “ฐานเศรษฐกิจ”
“บังฮาซัน” ต้นแบบค้าชุมชนออนไลน์
“อนุรักษ์ สรรฤทัย” เจ้าของบริษัทฮาซันอาหารทะเลตากแห้งฯ จังหวัดสตูลหรือที่ชาวโซเชียลรู้จักในนาม “บังฮาซัน” The Best CEO สาขาอี-คอมเมิร์ซ “บังฮาซัน” เป็นต้นแบบของการไลฟ์สดขายสินค้าผ่านทางเฟซบุ๊ก ด้วยความกล้า และความบ้า ทำให้รูปแบบการไลฟ์สดขายสินค้ามีความตื่นเต้น และสนุกสนาน และมีผู้ติดตามในขณะนี้เกือบล้านราย
บังฮาซัน กล่าวถึงความรู้สึกหลังจากได้รับรางวัลว่ารู้สึกดีใจมาก จากประชาชนธรรมดา ไม่มีต้นทุนในชีวิตในสภาพเศรษฐกิจต่างๆ มีเงินเหลือเพียง 700 บาท แต่ด้วยสิ่งที่อี-คอมเมิร์ซหรือออนไลน์ทำให้เขาได้ใกล้ชิดโลกมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเปิดช่องทางทำมาหากินของตัวเอง ลองไลฟ์สดขายกลับมีคนให้ความสนใจและเริ่มมีการแชร์ออกไปและมีการสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก มียอดขายอยู่ที่ราว 16-20 ล้านบาทต่อเดือนและเคยทำยอดขายได้สูงสุดถึง 26 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ แห่เข้ามาเพื่อฝากจำหน่ายสินค้า เขาจึงมีโอกาสช่วยชาวบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียงได้ขายของผ่านออนไลน์ด้วย
พลังขับเคลื่อน“แกร็บ”สู่ซูเปอร์แอพ
นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด เข้ามารับตำแหน่งกุมบังเหียนแกร็บประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2561 ใช้ระยะเวลาปีเศษขยายบริการแกร็บ จากกลุ่มบริการด้านการเดินทางแกร็บแท็กซี่ แกร็บคาร์ และแกร็บไบค์ มาสู่บริการแกร็บฟู้ด (ส่งอาหาร), แกร็บเอ็กซ์เพรส (ส่งพัสดุ) แกร็บเพย์ (ระบบการชำระเงินออนไลน์) แกร็บ ฟอร์ บิสซิเนส จัดการเรื่องเอกสารสำคัญให้ภาคธุรกิจ) รวมถึงบริการอื่นๆ เช่น แกร็บไฟแนนเชียลส่งผลให้แกร็บ ประเทศไทย มียอดการเติบโตอย่างโดดเด่นในภูมิภาคทั้งจำนวนพาร์ตเนอร์ และจำนวนผู้ให้บริการของแกร็บ
นายธรินทร์ กล่าวว่า รางวัลที่ได้รับอาจดูเป็นเหมือนรางวัลส่วนตัว แต่สำหรับเขาแล้ว มันคือรางวัลที่มีความหมายมากกว่านั้น เพราะบ่งบอกให้เห็นว่าการที่คนกลุ่มหนึ่งมารวมกันสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หลายอย่าง วันนี้จะไม่มีแกร็บประเทศไทย ถ้าไม่มีทีมงานแกร็บ ที่อายุ 25-26 ปี มารวมกันหลายร้อยคน กลุ่มพาร์ตเนอร์ที่มีหลักพันคน วันนี้มีเป็นแสนคน แต่ละเดือนมีคนสมัครเป็นพาร์ตเนอร์แกร็บเดือนละหมื่นคน ร้านค้าร้านอาหารที่ไม่เคยเห็นภาพออนไลน์เลยในวันนั้น วันนี้มีหลักแสนราย ภาพที่เห็นของแกร็บวันนี้เปลี่ยนแปลงจาก 2 ปีที่แล้วไปเป็นอย่างมาก จากผู้ใช้บริการหลักพัน หลักหมื่น วันนี้ยอดการใช้งานแต่ละวันอยู่ที่ครึ่งล้าน จากบริษัทที่ให้บริการส่งคน มาเป็นส่งของ ส่งอาหาร วันนี้แกร็บเปิดบริการที่ทำให้คนระดับรากหญ้าเข้าถึงธุรกรรมการเงิน
“สิ่งที่ภาคภูมิใจอีกอย่างหนึ่ง คือ แกร็บประเทศไทย เป็นเทคไจแอนต์คัมปะนี ที่มีทีมงานตั้งแต่ท็อปแมเนจเมนต์ลงมาเป็นคนไทย 99.9% อีกเรื่องหนึ่งคือ ผลักดันแกร็บประเทศไทย จาก 2 ปีที่แล้วที่เรานำแค่ 2 ประเทศในภูมิภาค คือ เมียนมา และกัมพูชา มาอยู่อันดับ 3 ในภูมิภาค ภายใต้พนักงานที่เป็นคนไทย 99.9% พิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก”
The Disruptor เมืองไทย
อธิการบดียุค 4.0 เจ้าของฉายา The Disruptor เมืองไทยเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีนำมาสู่ภาคการศึกษา วิสัยทัศน์ “One KMITL” มีเป้าหมายที่จะนำมหาวิทยาลัยไปสู่ยุคการศึกษา 4.0 ส่งผลให้ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) ได้รับรางวันอันทรงเกียรติ หลายสาขามาครอง และ รางวัล “The Best CEO Award” ก็เช่นกัน
จากความพยายาม เพิ่มลำดับ KMITLให้กลายเป็น 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศไทย มีประสิทธิภาพ ยกระดับโปรแกรมการศึกษาสู่การแข่งขันระดับโลกจนเป็นที่ยอมรับ ขณะเดียวกัน ยังเปิดสาขาวิชาใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ วิศวะหุ่นยนต์ แพทยศาสตร์ ล่าสุด เปิดกว้างให้เด็กๆ สามารถเข้าเรียนในสถาบันนี้ได้
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สะท้อนว่า ผลงานที่โดดเด่น คือ ผู้นำของการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าอยู่ที่ไหนจะต้องเปลี่ยนแปลงที่นั่น พัฒนาองค์กรจากวิกฤติขึ้นสู่ระดับนานาชาติได้ โดยเฉพาะการบริหารแนวใหม่ นั่นคือการใช้เทคโนโลยีมาบริหารคน
“เมื่อทำแล้วต้องทำให้ดียิ่งขึ้น วันนี้เราสู้กันทุกเสี้ยววินาที เกี่ยวกับเทคโนโลยี เมื่อรับรางวัลแล้วต้องทำให้ดีขึ้นปรับให้ดีขึ้น และส่งต่อพลังการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ไปสู่ทุกคน”
ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จะมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยเกี่ยวกับเรื่องการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยปีนี้ทุกคนจะได้เห็นเครื่องสแกนโควิด-19 ที่ทำเองในประเทศไทย
เปลี่ยนข้าวสีนิลสู่ขนมขบเคี้ยวสุขภาพ
นายประทีป อัคคูนูร์ ศิษย์เก่า MBA สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Sasin) ผู้ร่วมก่อตั้ง ผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ข้าวสีนิล Laiki ผู้เปลี่ยนข้าวสีนิลของไทยไปสู่ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงให้ไทย โดยสามารถคว้าเหรียญทองในหมวดแครกเกอร์ โดยได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดนวัตกรรมอุตสาหกรรมอาหารคุณภาพสูง
นายประทีป กล่าวว่ารู้สึกภูมิใจกับรางวัลที่ได้รับมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับมอบรางวัลโดยตรงสำหรับตัวเองกับผลงานที่สร้างขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ข้าวสีนิล Laiki มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด 2-3 เท่าทุกปีต่อเนื่อง แม้จะมีวิกฤติเศรษฐกิจเกิดขึ้นทั่วโลกก็ตาม
หน้า 11 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3555 วันที่ 8-11 มีนาคม 2563